2553 - silpakorn university · the development of learning outcome on adding and subtracting of...

213
การพัฒนาผลการเรียนรู เรืÉอง การบวกและการลบของนักเรียนชั ÊนประถมศึกษาปีทีÉ 1 ด้วยการจัดการเรียนรู ้แบบวัฏจักรการเรียนรู 7 E โดย นางสาวอารีย์ สุขใจวรเวทย์ วิทยานิพนธ์นีÊเป็นส่วนหนึÉงของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2553 ลิขสิทธิ Íของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร

Upload: others

Post on 23-Oct-2020

3 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

  • การพฒันาผลการเรียนรู้ เรือง การบวกและการลบของนักเรียนชันประถมศึกษาปีท ี1 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบวฏัจักรการเรียนรู้ 7 E

    โดย นางสาวอารีย์ สุขใจวรเวทย์

    วทิยานิพนธ์นีเป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการนิเทศ ภาควชิาหลกัสูตรและวธีิสอน

    บัณฑิตวทิยาลยั มหาวทิยาลยัศิลปากร ปีการศึกษา 2553

    ลขิสิทธิของบัณฑิตวทิยาลยั มหาวทิยาลยัศิลปากร

  • การพฒันาผลการเรียนรู้ เรือง การบวกและการลบของนักเรียนชันประถมศึกษาปีท ี1 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบวฏัจักรการเรียนรู้ 7 E

    โดย นางสาวอารีย์ สุขใจวรเวทย์

    วทิยานิพนธ์นีเป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการนิเทศ ภาควชิาหลกัสูตรและวธีิสอน

    บัณฑิตวทิยาลยั มหาวทิยาลยัศิลปากร ปีการศึกษา 2553

    ลขิสิทธิของบัณฑิตวทิยาลยั มหาวทิยาลยัศิลปากร

  • THE DEVELOPMENT OF LEARNING OUTCOME ON ADDING AND SUBTRACTING OF FIRST GRADE STUDENTS TAUGHT BY 7E LEARNING CYCLE APPROACH

    By Aree Sukjaiworawate

    A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree MASTER OF EDUCATION

    Department of Curriculum and Instruction Graduate School

    SILPAKORN UNIVERSITY 2010

  • บณัฑิตวทิยาลยั มหาวทิยาลยัศิลปากร อนุมติัใหว้ทิยานิพนธ์เรือง “ การพฒันาผลการเรียนรู้ เรือง การบวกและการลบของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ดว้ยการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ” เสนอโดย นางสาวอารีย ์ สุขใจวรเวทย ์เป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบณัฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการนิเทศ

    ……........................................................... (ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.ปานใจ ธารทศันวงศ)์

    คณบดีบณัฑิตวทิยาลยั วนัที..........เดือน.................... พ.ศ...........

    อาจารยที์ปรึกษาวทิยานิพนธ์ 1. ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.สุเทพ อ่วมเจริญ 2. ศาสตราจารยพ์ิเศษ กาญจนา คุณารักษ์ 3. ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.ไชยยศ ไพวทิยศิริธรรม คณะกรรมการตรวจสอบวทิยานิพนธ์ .................................................... ประธานกรรมการ (ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.มาเรียม นิลพนัธ์ุ) ............/......................../.............. .................................................... กรรมการ .................................................... กรรมการ (อาจารย ์ราตรี รุ่งทวชียั) (ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.สุเทพ อ่วมเจริญ) ............/......................../.............. ............/......................../.............. .................................................... กรรมการ .................................................... กรรมการ (ศาสตราจารย ์พิเศษ กาญจนา คุณารักษ)์ (ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.ไชยยศ ไพวทิยศิริธรรม) ............/......................../.............. ............/......................../..............

  • 50253402 : สาขาวชิาหลกัสูตรและการนิเทศ คาํสาํคญั : การบวกและการลบ/การจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E อารีย ์ สุขใจวรเวทย ์: การพฒันาผลการเรียนรู้ เรือง การบวกและการลบของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ดว้ยการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E อาจารยที์ปรึกษาวทิยานิพนธ์ : ผศ.ดร.สุเทพ อ่วมเจริญ , ศ.พิเศษ กาญจนา คุณารักษ์ และ ผศ.ดร.ไชยยศ ไพวทิยศิริธรรม. 201 หนา้.

    การวจิยัครังนีมีวตัถุประสงคเ์พือ 1) เปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรือง การบวกและการลบของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ก่อนและหลงัเรียนดว้ยการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E, 2) ศึกษาความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ทีมีต่อการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E กลุ่มตวัอยา่งทีใชใ้นการวจิยั คือ นกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 โรงเรียนวดัหนองกลางด่าน สาํนกังานเขตพืนทีการศึกษาราชบุรี เขต 2 จาํนวน 15 คน ใชแ้ผน การทดลองแบบกลุ่มเดียวสอบก่อนและสอบหลงั ( one-Group pretest-posttest Design) เครืองมือทีใชใ้นการวจิยั ประกอบดว้ย 1) แผนการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E เรืองการบวกและการลบทีมีผลลพัธ์และตวัตงัไม่เกิน 100, 2) แบบทดสอบวดัผลการเรียนรู้ เรืองการบวกและ การลบทีมีผลลพัธ์และตวัตงัไม่เกิน 100, 3) แบบสังเกตความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัร การเรียนรู้ 7 E และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ทีมีต่อ การจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E วเิคราะห์ขอ้มูลดว้ยค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลีย ( ) ค่าส่วนเบียงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าการทดสอบค่า t-test แบบ dependent ผลการวจิยัพบวา่ 1) ผลการเรียนรู้เรืองการบวกและการลบของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ก่อนและหลงัการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E แตกต่างกนัอยา่งมีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .05 โดยมีคะแนนหลงัการจดัการเรียนรู้สูงกวา่ก่อนการจดัการเรียนรู้, 2) ความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 Eโดยภาพรวมทงั 7 E มีความสามารถอยูใ่นระดบัดี และ 3) ความพึงพอใจของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ทีมีต่อการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ในภาพรวมอยูร่ะดบัพึงพอใจมาก

    ภาควชิาหลกัสูตรและวธีิสอน บณัฑิตวทิยาลยั มหาวทิยาลยัศิลปากร ปีการศึกษา 2553ลายมือชือนกัศึกษา...............................................................ลายมือชืออาจารยที์ปรึกษาวทิยานิพนธ์ 1. ........................ 2. ......................... 3. .........................

  • 50253402 : MAJOR : CURRICULUM AND SUPERVISION

    KEY WORD : ADDING AND SUBTRACTING/7E LEARNING CYCLE APPROACH.

    AREE SUKJAIWORAWATE : THE DEVELOPMENT OF LEARNING

    OUTCOME ON ADDING AND SUBTRACTING OF FIRST GRADE STUDENTS

    TAUGHT BY 7E LEARNING CYCLE APPROACH. THESIS ADVISORS :

    ASST.PROF. SUTEP UAMCHAROEN. Ed.D., PROF. KANCHANA KUNARAK. M.Sc., AND

    ASST.PROF. CHAIYOS PAIWITHAYASIRITHAM. Ed.D. 201 pp.

    The purposes of this research were to : 1) compare learning outcome on addition and

    subtracting before and after being taught by the 7E learning cycle approach, 2) study the first

    grade students’ abilities taught by the 7E learning cycle approach and 3) study students’

    satisfaction towards the application of the 7E learning approach. The sample consisted of 15

    students in the first grade class during the 2009 academic year of Watnongklangdan School,

    Ratchaburi Education Service Area Office 2. Experimental design was the one-group

    pretest-posttest design. The research instruments were lesson plans, learning outcome test,

    observation form, and questionnaire. The statistical analysis employed were percentage(%),

    mean( ), standard deviation(S.D) and t-test dependent.

    The research finding revealed : 1) The learning outcome on adding and subtracting of

    first grade students before and after being taught by the 7E learning cycle approach were

    statistically significant different at the level of .05 where as the learning outcome after being

    taught by the 7E learning cycle approach were higher than before being taught by the 7E learning

    cycle approach, 2) Students’ abilities taught by 7E learning cycle approach in general were at a

    high agreement level and 3) Students’ satisfactions toward the 7E learning cycle approach were

    at a very high agreement level.

    Department of Curriculum and Instruction Graduate School, Silpakorn University Academic Year 2010

    Student's signature.......................................................

    Thesis Advisors' signature 1. ............................... 2. ................................. 3. ................................

  • กติติกรรมประกาศ

    วทิยานิพนธ์เล่มนีสาํเร็จลงได ้ ดว้ยความอนุเคราะห์ใหค้าํปรึกษาแนะนาํอยา่งดียงิ จาก ผูช่้วยศาสตราจารย์ ดร.สุเทพ อ่วมเจริญ ศาสตราจารยพ์ิเศษ กาญจนา คุณารักษ ์ และ ผูช่้วยศาสตราจารย์ ดร.ไชยยศ ไพวทิยศิริธรรม เป็นอาจารยที์ปรึกษาวทิยานิพนธ์ตงัแต่เริมตน้ จนสาํเร็จเรียบร้อย และใหค้าํปรึกษา ตลอดจนใหข้อ้เสนอแนะทีเป็นประโยชน์อยา่งยงิในการทาํวทิยานิพนธ์เล่มนีสมบูรณ์ยงิขึน ผูว้จิยักราบขอบพระคุณในความเมตตากรุณาของคณาจารยทุ์กท่านไวด้ว้ยความเคารพอยา่งสูง ขอกราบขอบพระคุณ ผูช่้วยศาสตราจารย ์ ดร.มาเรียม นิลพนัธ์ุ ประธานกรรมการ ตรวจสอบวทิยานิพนธ์ และอาจารยร์าตรี รุ่งทวชียั ผูท้รงคุณวฒิุ ทีใหค้าํแนะนาํตรวจแกไ้ขขอ้บกพร่องและใหค้วามกระจ่างในเชิงวชิาการเพือความสมบูรณ์ของวทิยานิพนธ์ ขอขอบพระคุณ อาจารยศิ์ริวลัย ์ อุดมพรวรัิตน์ ศึกษานิเทศกช์าํนาญการพิเศษ สาํนกังานเขตพืนทีการศึกษาราชบุรี เขต 2 อาจารยอ์รวรรณ วดัเอก ครูชาํนาญการพิเศษ โรงเรียนบา้นเขาแหลม และนางสาวพนูศรี อาภรณ์รัตน์ รองผูอ้าํนวยการ โรง เรียนวดัหนองกบ ทีกรุณาเป็นผูเ้ชียวชาญในการตรวจสอบเครืองมือและใหข้อ้แนะนาํทีเป็นประโยชน์ต่อการทาํวทิยานิพนธ์ ขอขอบพระคุณ ผูบ้ริหาร คณะครูโรงเรียนวดัหนองประทุน และโรงเรียนวดั หนองกลางด่าน สาํนกังานเขตพืนทีการศึกษาราชบุรี เขต 2 ทีใหค้วามอนุเคราะห์คนทดลองเครืองมือและเก็บรวมรวบขอ้มูล เป็นอยา่งดี รวมทงัขอขอบใจนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ทีให้ความรวมมือในการเก็บรวบรวมขอ้มูลเป็นอยา่งดี ทา้ยสุดนี ขอนอ้มระลึกถึงพระคุณของบิดา มารดา ซึงเป็นผูว้างรากฐานในการศึกษา

  • สารบัญ

    หนา้ บทคดัยอ่ภาษาไทย .................................................................................................................. ง บทคดัยอ่ภาษาองักฤษ ............................................................................................................. จ กิตติกรรมประกาศ ................................................................................................................... ฉ สารบญัตาราง .......................................................................................................................... ฌ สารบญัแผนภาพ ...................................................................................................................... ฎ บทที

    1 บทนาํ .............................................................................................................................. 1 ความเป็นมาและความสาํคญัของปัญหา ........................................................... 1 กรอบแนวคิดในการวจิยั ................................................................................... 5 วตัถุประสงคข์องการวจิยั ................................................................................. 9 ขอ้คาํถามในการวจิยั ......................................................................................... 9 สมมติฐานของการวจิยั ..................................................................................... 10 ขอบเขตของการวจิยั ......................................................................................... 10 นิยามศพัทเ์ฉพาะ .............................................................................................. 11

    2 วรรณกรรมทีเกียวขอ้ง .................................................................................................... 12 หลกัสูตรการศึกษาขนัพืนฐาน พุทธศกัราช 2544 : สาระการเรียนคณิตศาสตร์ ..... 12 การสอนคณิตศาสตร์ .............................................................................................. 28 การจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7E ............................................................ 43 งานวจิยัทีเกียวขอ้ง .................................................................................................. 55 งานวจิยัในประเทศ .......................................................................................... 55 งานวจิยัต่างประเทศ ......................................................................................... 60

    3 การดาํเนินการวจิยั........................................................................................................... 63 วธีิการดาํเนินการวจิยั .............................................................................................. 63 วธีิและขนัตอนการวจิยั ........................................................................................... 64 ประชากรและกลุ่มตวัอยา่ง............................................................................... 64 ตวัแปรทีศึกษา ................................................................................................. 64 เนือหาสาระ ...................................................................................................... 64

  • บทที หนา้ ระยะเวลา ......................................................................................................... 64 แบบแผนการวจิยั ............................................................................................. 65 เครืองมือทีใชใ้นการวจิยั .................................................................................. 65 การสร้างและการตรวจสอบคุณภาพเครืองมือทีใชใ้นการวจิยั ......................... 65 การดาํเนินการทดลองและเก็บรวบรวมขอ้มูล .................................................. 80 การวเิคราะห์ขอ้มูลและค่าสถิติทีใชใ้นการวเิคราะห์ขอ้มูล .............................. 82

    4 ผลการวเิคราะห์ขอ้มูล ..................................................................................................... 84 ตอนที 1 เปรียบเทียบลการเรียนรู้ .......................................................................... 84 ตอนที 2 ความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ............................ 85 ตอนที 3 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนกัเรียน ................................................. 86

    5 สรุปผลการวจิยั อภิปราย และขอ้เสนอแนะ .................................................................. 89 สรุปผลการวจิยั ....................................................................................................... 90 อภิปรายผล ............................................................................................................. 91 ขอ้เสนอแนะ ........................................................................................................... 95 ขอ้เสนอแนะเพือนาํผลการวจิยัไปใช้ ............................................................... 95 ขอ้เสนอแนะเพือการวจิยัครังต่อไป ................................................................. 96

    บรรณานุกรม ........................................................................................................................... 97

    ภาคผนวก ภาคผนวก ก การตรวจสอบคุณภาพเครืองมือและคะแนนผลการทดสอบ ....... 104 ภาคผนวก ข เครืองมือทีใชใ้นการวจิยั ............................................................. 127 ภาคผนวก ค รายชือผูเ้ชียวชาญเป็นผูต้รวจเครืองมือทีใชใ้นการวจิยั ............... 193 ภาคผนวก ง หนงัสือขอเชิญเป็นผูต้รวจเครืองมือทีใชใ้นการวจิยั หนงัสือขอทดลองเครืองมือ ขออนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมขอ้มูลการวจิยั ......................... 195

    ประวติัผูว้จิยั ............................................................................................................................ 201

  • สารบัญตาราง

    ตารางที หนา้ 1 โครงสร้างหลกัสูตรสถานศึกษาขนัพืนฐานโรงเรียนวดัหนองกลางด่าน ................. 17 2 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชนัประถมศึกษาปีที 1 ........................... 18 3 สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ทีคาดหวงัรายปีคณิตศาสตร์ ชนัประถมศึกษาปีที 1 ........................................................................................ 20

    4 หน่วยการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ .................................................... 25 5 แสดงการเปรียบเทียบวฏัจกัรการเรียนรู้ทงั 4 แบบ ................................................... 50 6 ความสามารถของนกัเรียนตามแนวคิดการสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ............. 52 7 การวเิคราะห์หลกัสูตรการศึกษาขนัพืนฐาน พุทธศกัราช 2544 สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชนัประถมศึกษาปีที 1 เรือง การบวกและการลบจาํนวน

    ทีมีผลลพัธ์และตวัตงัไม่เกิน 100 .......................................................................

    66

    8 เวลาและสาระการเรียนรู้ทีใชใ้นการจดัการเรียนรู้ .................................................... 67 9 วเิคราะห์ขอ้สอบปรนยั สาระการเรียนรู้จาํนวนและการดาํเนินการ เรืองการบวก และการลบจาํนวนทีมีผลลพัธ์และตวัตงัไม่เกิน 100 .................... 71

    10 เกณฑค์วามสามารถของนกัเรียนในการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ..................................................................................................................... 74

    11 เกณฑก์ารแปลงความหมายความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ..................................................................................................................... 76

    12 เกณฑก์ารแปลความหมายของค่าความพึงพอใจ ...................................................... 83 13 ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้เรือง การบวกและการลบ ของนกัเรียน

    กลุ่มตวัอยา่งชนัประถมศึกษาปีที 1 จาํนวน 15 คน ก่อนและหลงั การจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ......................................................

    85

    14 คะแนนความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ของนกัเรียน ชนัประถมศึกษาปีที 1 โดยจาํแนกตาม ขนัการจดัการเรียนรู้

    แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E .................................................................................

    85

    15 ระดบัความพึงพอใจทีมีต่อการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 .................................................................... 86

  • ตารางที หนา้ 16 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแผนการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E

    จาํนวน 2 แผน จากผูเ้ชียวชาญ 3 คน ................................................................. 105 17 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบทดสอบวดัผลการเรียน แบบปรนยั

    จากผูเ้ชียวชาญ 3 คน.......................................................................................... 107 18 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบสังเกตความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัร

    การเรียนรู้ 7 ขนั จากผูเ้ชียวชาญ 3 คน .............................................................. 108 19 เกณฑก์ารประเมินความสามารถการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ......... 110 20 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบสอบถามความพึงพอใจของนกัเรียน

    จากผูเ้ชียวชาญ 3 ท่าน ....................................................................................... 116 21 ผลการวเิคราะห์ค่าความยากง่าย (p) ค่าอาํนาจจาํแนก (r) ของแบบทดสอบวดัผล

    การเรียนรู้ เรือง การรบวกและการลบทีมีผลลพัธ์และตวัตงัไม่เกิน 100 ............ 117 22 คะแนนก่อนและหลงัการจดัการเรียนรู้ เรืองการบวกและการลบ ของนกัเรียน

    ชนัประถมศึกษาปีที 1 ........................................................................................ 118 23 คะแนนความสามารถการในจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ..................... 119

  • สารบัญแผนภาพ

    แผนภาพที หนา้ 1 กรอบแนวคิดในการวจิยั ..................................................................................... 9 2 โมเดลของเลช (Lesh’s Model) ........................................................................... 39 3 องคป์ระกอบของกระบวนการการจดัการเรียนรู้ ................................................. 42 4 การปรับขยายรูปแบบการสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ จาก 5 E เป็น 7 E............. 47 5 ขนัตอนการสร้างแผนการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ..................... 70 6 ขนัตอนการสร้างแบบทดสอบวดัผลการเรียนรู้................................................... 73 7 ขนัตอนการสร้างแบบประเมินความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัร 7 E ....... 77 8 แสดงขนัตอนการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ .......................................... 79 9 ขนัตอนการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ........................................... 81

  • บทท ี 1

    บทนํา

    ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา ปัจจุบนัเป็นโลกของขอ้มูลข่าวสารมีการเปลียนแปลงอยา่งมากมายและรวดเร็ว ทงัทางดา้นวชิาการ เทคโนโลยสีารสนเทศ และดา้นอืน ๆ สิงหนึงทีช่วยใหเ้พิมคุณภาพของมนุษย์คือ การศึกษา ซึงการศึกษาเป็นรากฐานสาํคญัในการสร้างความเจริญกา้วหนา้และแกปั้ญหาต่าง ๆ ในสังคมเนืองจากการศึกษาเป็นกระบวนการทีช่วยใหม้นุษยส์ามารถพฒันาศกัยภาพและความสามารถดา้นต่าง ๆ ในแผนพฒันาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบัที 10 (พ.ศ. 2550-2554) ชีใหเ้ห็นถึงความจาํเป็นในการปรับเปลียนจุดเนน้ ในการพฒันาคุณภาพคนในสังคมไทยใหมี้คุณธรรมและมีความรอบรู้อยา่งเท่าทนั ใหมี้ความพร้อมทงัดา้นร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และศีลธรรม สามารถกา้วทนัการเปลียนแปลงเพือนาํไปสู่สังคมฐานความรู้ไดอ้ยา่งมนัคง แนวการพฒันาคนดงักล่าวมุ่งเตรียมเด็กและเยาวชนใหมี้พืนฐานจิตใจทีดีงาม มีจิตสาธารณะ พร้อมทงัมีสมรรถนะ ทกัษะและความรู้พืนฐานทีจาํเป็นในการดาํรงชีวติ อนัจะส่งผลต่อการพฒันาประเทศแบบยงัยนื (สภาพฒันาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2549 : ความนาํ) ซึงแนวทางดงักล่าวสอดคลอ้งกบันโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการพฒันาเยาวชนของชาติเขา้สู่โลกยคุศตวรรษที 21 โดยมุ่งส่งเสริมใหผู้เ้รียนมีคุณธรรม รักความเป็นไทย ใหมี้ทกัษะการคิดวเิคราะห์ สร้างสรรค ์มีทกัษะดา้นเทคโนโลย ี สามารถทาํงานร่วมกบัผูอื้น และสามารถอยูร่่วมกบัผูอื้นในสังคมโลกไดอ้ยา่งสันติ (กระทรวงศึกษาธิการ 2551 : ความนาํ) คณิตศาสตร์เป็น 1 ใน 8 สาระทีผูเ้รียนตอ้งเรียน เพราะคณิตศาสตร์มีบทบาทสาํคญัยงิต่อการพฒันาความคิดมนุษย ์ ทาํใหม้นุษยมี์ความคิดสร้างสรรค ์ คิดอยา่งมีเหตุผล เป็นระบบระเบียบ มีแบบแผน สามารถวเิคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ไดอ้ยา่งถีถว้นรอบคอบ ทาํให้สามารถคาดการณ์ วางแผน ตดัสินใจและแกปั้ญหาไดอ้ยา่งถูกตอ้งและเหมาะสม และคณิตศาสตร์เป็นเครืองมือในการศึกษาวทิยาศาสตร์และเทคโนโลย ี ตลอดจนศาสตร์อืน ๆ ทีเกียวขอ้งคณิตศาสตร์ จึงมีประโยชน์ต่อการดาํรงชีวติ และช่วยพฒันาคุณภาพชีวติใหมี้คุณภาพให้ดีขึน นอกจากนีคณิตศาสตร์ยงัช่วยพฒันามนุษยใ์หส้มบูรณ์ มีความสมดุลทงัร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและอารมณ์ สามารถคิดเป็น ทาํเป็น แกปั้ญหาเป็นและสามารถอยูร่่วมผูอื้นไดอ้ยา่งมีความสุข (สถาบนัส่งเสริมการสอนวทิยาศาสตร์และเทคโนโลย ี 2548 : 1) คณิตศาสตร์ยงัเป็น

    1

  • 2

    พืนฐานในการศึกษาขนัสูงและวทิยาการสาขาต่าง ๆ และความเจริญกา้วหนา้ทางดา้นวทิยาศาสตร์และเทคโนโลย ี ลว้นแต่อาศยัความรู้คณิตศาสตร์ แต่นกัเรียนส่วนมากไม่ประสบความสาํเร็จในการเรียนคณิตศาสตร์ (สิริพร ทิพยค์ง 2544 : 123) ซึงครูผูส้อนมกัจะสอนโดยมุ่งเนน้ทีเทคนิควธีิของวธีิสอนมากกวา่แก่นสาํคญัของวธีิสอน เนืองจากเทคนิคต่าง ๆ นนัเห็นเด่นชดัมากกวา่แก่น ซึงมกัซ่อนอยูภ่ายใน การสอนขาดประสิทธิภาพ เนืองจากผูส้อนไม่ทราบหรือไม่เขา้ใจถึงแก่น คือองคป์ระกอบและขนัตอนทีขาดไม่ไดข้องวธีินนั ๆ (ทิศนา แขมมณี 2548 : 324) จึงเป็นสิงจาํเป็นทีครูตอ้งมุ่งแสวงหาวธีิการทีจะทาํใหน้กัเรียนประสบผลสาํเร็จ ดว้ยการเป็นผูก้าํกบัตนเอง เป็น การแกปั้ญหาทีไดผ้ลและเป็นนกัคิด เพือสามารถสนองความตอ้งการทีแตกต่างของนกัเรียนวธีิ การสอนทีหลากหลายไม่ไดเ้ป็นเพียงเครืองมือของครู แต่เป็นปรัชญาทีครูตอ้งนาํไปใชเ้พือตอบสนองความตอ้งการของนกัเรียน วธีิการสอนทีหลากหลายช่วยใหน้กัเรียนมีทางเลือกทีจะบรรลุมาตรฐานทีกาํหนดทา้ทายนกัเรียนและเป็นทางเลือกใหน้กัเรียนประสบความสาํเร็จ (อรจรีย ์ ณ ตะกวัทุ่ง 2545 : 8) ปัญหาของกระบวนการจดัการเรียนรู้ของไทยในอดีต คือ การสอนทีเนน้หนกัในเนือหาและการท่องจาํมากกวา่การสร้างพืนฐานทางการคิด ส่งผลใหเ้กิดความเครียดและคิดไม่เป็น (กรมวชิาการ 2545 ข : 3) โดยเฉพาะอยา่งยงิการจดักระบวนการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ซึงคณิตศาสตร์มีบทบาทสาํคญัยงิต่อการพฒันาความคิดของมนุษย์ ทาํใหม้นุษยมี์ความคิดสร้างสรรค ์ คิดอยา่งมีเหตุผล เป็นระบบระเบียบ มีแบบแผน สามารถวเิคราะห์ปัญหาและ สถานการณ์ไดอ้ยา่งถีถว้นรอบคอบ ทาํใหส้ามารถคาดการณ์ วางแผน ตดัสินใจ และแกปั้ญหาได ้อยา่งถูกตอ้งและเหมาะสม คณิตศาสตร์เป็นเครืองมือในการศึกษาวทิยาศาสตร์และเทคโนโลยีตลอดจนศาสตร์อืน ๆ ทีเกียวขอ้งคณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดาํรงชีวติและช่วยพฒันาคุณภาพชีวติใหดี้ขึน นอกจากนียงัช่วยพฒันามนุษยใ์หส้มบูรณ์ มีความสมดุลทงัทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและอารมณ์ สามารถคิดเป็นทาํเป็น แกปั้ญหาเป็น และสามารถอยูร่่วมกบัผูอื้นไดอ้ยา่งมีความสุข (สมนึก ภทัทิยธนี 2546 : 30-32) กระบวนการจดัการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ทีดีนนัจาํเป็นตอ้งพิจารณากิจกรรมการเรียนรู้ทีหลากหลาย เช่น นกัเรียนตอ้งเป็นผูก้ระทาํ มีส่วนร่วมในกิจกรรมเขา้ใจวา่ตนกาํลงัเรียนอะไร ตอบสนองความแตกต่างระหวา่งบุคคลนกัเรียนตอ้งไดรั้บ การเสริมแรง เห็นคุณค่าในสิงทีเรียน นกัเรียนไดรั้บประสบการณ์การเรียนทีหลากหลายในการสรุปและจาํแนกความรู้ทีไดรั้บ กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลาย มีการกระทาํซาํ ๆ อยา่งสมาํเสมอ การถ่ายโยงการเรียนรู้มีการนาํเสนอสถานการณ์การเรียนรู้ทีคลา้ย ๆ กนั

  • 3

    จากผลการประเมินในชนัประถมศึกษาปีที 1 ปีการศึกษา 2551 ของโรงเรียนวดัหนองกลางด่านมีคะแนนเฉลีย ร้อยละ 65.86 ซึงตาํกวา่เกณฑที์โรงเรียนกาํหนดไวร้้อยละ 70 ซึงผลสัมฤทธิทางการเรียนยงัไม่ถึงเกณฑที์ตงัเป้าไว ้ เนืองมาจากในการจดักิจกรรมการเรียนการสอน ของผูว้จิยันกัเรียนมกัจะไดค้าํตอบทีไม่ถูกตอ้ง เพราะนกัเรียนไม่เขา้ใจ เมือไม่เขา้ใจก็ไม่อยากทาํแบบฝึกหดัเป็นเหตุใหผ้ลการเรียนในเนือหานียงัไม่ประสบผลสาํเร็จเท่าทีควร นกัเรียนส่วนใหญ่ มีปัญหาในเรืองการบวกและการลบทีมีผลลพัธ์และตวัตงัไม่เกิน 100 เกิดจากนกัเรียนส่วน ใหญ่ ไม่เขา้ใจและคิดหาคาํตอบไม่ถูกตอ้ง เนืองมาจากการ บวกและ การลบจาํนวนทีมีสองหลกักบัจาํนวนทีมีหนึงหลกัผดิ คือ ตงัตวัเลขไม่ตรงกบัหลกัทีแทจ้ริงของจาํนวน นกัเรียนไม่เขา้ใจความหมายของการบวกลบ มีความเขา้ใจสับสนทาํใหเ้วลาหาคาํตอบจึงไม่ถูกตอ้ง และไม่เขา้ใจความหมายของค่าประจาํหลกัของจาํนวน และขาดทกัษะการคิดคาํนวณอยา่งเขา้ใจ (อาํนวย จาํปาเงิน 2550 : 40-41) จึงเป็นหนา้ทีของครูผูส้อนทีจะตอ้งจดักิจกรรมการสอนใหน้กัเรียนเกิดทกัษะทางคณิตศาสตร์ในระดบัประถมศึกษา โดยใชสื้อของจริง สือภาพและสัญลกัษณ์ เป็น การสอนจากรูปธรรมไปสู่นามธรรมใหน้กัเรียนไดฝึ้กฝนทกัษะจะทาํใหน้กัเรียนเกิดความแม่นยาํในแต่ละทกัษะเป็นอยา่งดี จากการศึกษาปัญหาการจดัการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ พบวา่ ตอ้งจดักระบวนการเรียนรู้ทีมุ่งเนน้ฝึกทกัษะกระบวนการคิด การเผชิญปัญหา การจดักิจกรรมใหผู้เ้รียนไดเ้รียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบติัใหท้าํได ้ คิดเป็น แกปั้ญหาเป็น เป็นสิงทีมีอยูใ่นตวัมนุษยทุ์กคน การจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E เป็นการสอนทีเนน้การถ่ายโอนความรู้และตรวจสอบความรู้เดิมเป็นการฝึกใหน้กัเรียนหาวธีิคน้หาความรู้ดว้ยตนเองซึงจะช่วยจดจาํความรู้ไวใ้นสมองได้อยา่งยาวนาน เป็นการจดัการเรียนรู้ทีมุ่งพฒันาผูเ้รียนใหส้ร้างองคค์วามรู้ดว้ยตนเองโดยเนน้ผูเ้รียนเป็นสาํคญั เป็นการพฒันาศกัยภาพดา้นสติปัญญาและเป็นการฝึกใหน้กัเรียนหาวธีิคน้หาความรู้ แกปั้ญหาดว้ยตนเอง ซึงช่วยใหจ้ดจาํความรู้ไดน้านและสามารถถ่ายโยงความรู้ เป็นรูปแบบหนึงทีส่งเสริมใหน้กัเรียน ไดฝึ้กทกัษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ นกัเรียนไดส้ร้างองคค์วามรู้ดว้ยตนเอง การจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ ( Learning Cycle) เป็นรูปแบบของกระบวนการจดัการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ เพือใหผู้เ้รียนสามารถใชว้ธีิการสืบเสาะหาความรู้ทางคณิตศาสตร์ทีตอ้งอาศยัทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ โดยมีพืนฐานมาจากแนวทฤษฎีสร้างสรรคค์วามรู้ ( Constructivist) การสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ ( Learning Cycle) เริมแรกมี 3 ขนั (Lawson 2001 : Abstract) ไดแ้ก่ 1) ขนัสาํรวจ (Exploration) 2) ขนัแนะนาํคาํสาํคญั/ขนัสร้างมโนทศัน์ ( Term Introduction/Concept Formation) และ 3) ขนัประยกุตใ์ชม้โนทศัน์ ( Concept Application) ต่อมาพฒันาเป็น 4 ขนั (สุวฒัน์ นิยมคา้ 2531 : 560-562) คือ 1) ขนัสาํรวจ

  • 4

    (Exploration) 2) ขนัอธิบาย ( Explanation) 3) ขนัขยายมโนทศัน์ ( Expansion) และ 4) ขนัประเมินผล (Evaluation) ต่อมาไดป้รับเป็น 5 ขนั เรียกวา่ 5 E (นนัทิยา บุญเคลือบ 2540 : 13-14) คือ 1) ขนันาํเขา้สู่บทเรียน (Engagement) 2) ขนัสาํรวจและคน้พบ (Exploration) 3) ขนัอธิบายและลงขอ้สรุป (Explanation) 4) ขนัขยายความรู้ (Elaboration) และ 5) ขนัประเมินผล (Evaluation) และต่อมาไดป้รับขยายจาก 5 ขนั เป็น 7 ขนั ( Eisenkraft 2003 : 57-59) ดงันี 1) ขนัตรวจสอบ ความรู้เดิม (Evaluation) 2) ขนัเร้าความสนใจ (Engagement) 3) ขนัสาํรวจและคน้หา (Exploration) 4) ขนัอธิบาย ( Explanation) 5) ขนัขยายความรู้ ( Evaluation) 6) ขนัประเมินผล ( Evaluation) และ 7) ขนันาํความรู้ไปใช ้ ( Extension) โดยเป้าหมายทีสาํคญัของการจดัการเรียนการสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ คือ วธีิการสอนทีป้องกนัแนวความคิดทีผดิพลาดเนน้ความสาํคญัของการถ่ายโอนความรู้และการตรวจสอบความรู้เดิม โดยใหน้กัเรียนเป็นผูค้วบคุมและนาํตนเอง ในการทาํกิจกรรมการเรียน (ประสาท เนืองเฉลิม 2550 : 25-27) โดยการเรียนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ทาํใหเ้กิดสติปัญญาในดา้นการปรับขยายโครงสร้างความคิด และการปรับรือโครงสร้างปฏิบติัการคิดในระหวา่งขนัสาํรวจ ขนัสร้างแนวคิดและขนัขยายความคิด (Lawson 2001 : 167, อา้งถึงใน อรุณรัตน์ มูลโพธิ 2548 : 115) นอกจากนีขอ้ดีของการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E เนน้ การตรวจสอบความรู้เดิมของเด็กซึงเป็นสิงทีครูไม่ควรละเลย หรือละทิง เนืองจาก การตรวจสอบพืนความรู้เดิมของเด็กจะทาํใหค้รูไดค้น้พบวา่นกัเรียนจะตอ้งเรียนรู้อะไรก่อนจะเรียนในเนือหานนัๆนกัเรียนจะสร้างความรู้จากพืนความรู้เดิมทีเด็กมี ทาํใหเ้ด็กเกิดการเรียนรู้อยา่งมีความหมายและไม่เกิดแนวความคิดทีผดิพลาด (ชนิดา ทาทอง 2549 : 125-130) สุทธิพร แกว้หนองแสง (2547 : 47) ศึกษาผลของการใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้ 5 E เพือพฒันาความสามารถทางการคิดคาํนวณและแกโ้จทยปั์ญหาทางคณิตศาสตร์ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 2 สรุปไดว้า่ นกัเรียนมีความสามารถทางคิดคาํนวณสูงกวา่ก่อนการทดลองอยา่งมีนยัสาํคญัทีระดบั .01 และนกัเรียนมีความสามารถทางการแกโ้จทยปั์ญหาทางคณิตศาสตร์สูงกวา่ก่อนการทดลองอยา่งมีนยัสาํคญัทีระดบั .05 อารีย ์ ปานถม (2550 : บทคดัยอ่) เปรียบเทียบผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชนัประถมศึกษาปีที 2 เรือง โจทยปั์ญหาระคน โดยใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้ 5 E กบั การเรียนปกติ ผลการวจิยัพบวา่ ผลสัมฤทธิทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรืองโจทยปั์ญหาระคนของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 2 กลุ่มทีใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้ 5 E สูงกวา่กลุ่ม การเรียนรู้ปกติ อยา่งมีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .05 ดงันนั ครูผูส้อนคณิตศาสตร์มีความจาํเป็นอยา่งยงิทีจะตอ้งปรับเปลียนวธีิสอนของตนเอง เพือใหผู้เ้รียนไดเ้กิดการกระตุน้และทาํใหอ้ยากเรียนคณิตศาสตร์ ซึงครูผูส้อนตอ้งหาวธีิการแนวทางการจดักิจกรรมการเรียนการสอนใหมี้ประสิทธิภาพ มีรูปแบบในการจดักิจกรรมที

  • 5

    หลากหลายเนน้ทกัษะกระบวนการ เพือกระตุน้ใหน้กัเรียนตืนตวัอยูต่ลอดเวลามีการเชือมโยง การเรียนรู้ใหเ้ขา้กบัเนือหาวชิาและกบัชีวติจริง (จิราภรณ์ ศิริทว ี 2541 : 35) กระบวนการเรียน การสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบหนึงทีนาํมาใชใ้น การพฒันาการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในปัจจุบนัใหมี้ประสิทธิภาพยงิขึน ช่วยใหผู้เ้รียนเกิด การเรียนรู้อยา่งมีความหมาย ครูเป็นผูค้อยอาํนวยความสะดวกในกระบวนการสร้างองคค์วามรู้ของนกัเรียน (สุรางค ์ โคว้ตระกลู 2541 : 295) เพือใหผู้เ้รียนไดพ้ฒันาตนเองอยา่งต่อเนืองเป็นกระบวนการเรียนรู้ทีผูเ้รียนตดัสินใจสร้างสิงทีเป็นแนวทางในการเรียนรู้ ผูเ้รียนคน้ควา้หาความรู้จากเนือหาในการเรียนรู้ขึนมาดว้ยตนเอง ใหผู้เ้รียนรู้จกัคิด สามารถสร้างความรู้ดว้ยตนเอง (เอกสิทธิ ยกุตะนนัท ์ 2542 : 30) เป็นการส่งเสริมใหผู้เ้รียนเกิดความสนใจในการเรียนรู้ ทงัองค์ความรู้ ความสามารถ ทกัษะปฏิบติั ทกัษะกระบวนการและการคิดแกปั้ญหา อีกทงันกัเรียนได้เรียนรู้อยา่งคงทนถาวร จากการศึกษาและกระบวนการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ดงักล่าว ผูว้จิยัมีความคิดทีจะนาํวธีิการจดัเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E มาใชใ้นการจดักิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (กรมวชิาการ 2545 : 189) เพราะคณิตศาสตร์ ยงัเป็นพืนฐานในการพฒันาทางวทิยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนพืนฐานในการพฒันาวชิาการอืน ๆ เพือให้ผูเ้รียนเกิดกระบวนการเรียนรู้และสามารถนาํคณิตศาสตร์ ไปประยกุตเ์พือพฒันาคุณภาพของชีวติและพฒันาคุณภาพของสังคมไทยใหดี้ขึนนนั การสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E จะเนน้การถ่ายโอนการเรียนรู้และใหค้วามสาํคญักบัการ ตรวจสอบพืนความรู้เดิมของเด็กจะทาํใหค้รูไดค้น้พบวา่ จะตอ้งเรียนรู้อะไรก่อนทีจะเรียนในเนือหานนั ๆ นกัเรียนจะสร้างความรู้จากพืนความรู้เดิมทีเด็กมี ทาํใหเ้กิดการเรียนรู้อยา่งมีความหมายและไม่เกิดแนวความคิดทีผดิพลาด และเนน้ใหน้กัเรียนสามารถนาํความรู้ทีไดรั้บไปประยกุตใ์ชใ้หเ้กิดประโยชน์ในชีวติประจาํวนั เพือนาํมาใชใ้น การพฒันาผลการเรียนรู้ เรือง การบวกและการลบ ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ดว้ยการจดั การเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E

    กรอบแนวคิดในการวจัิย การจดัการเรียนรู้แบบวฎัจกัรการเรียนรู้ 7 E ของไอเสนกราฟท์ (Eisenkraft 2003 : 57-59) ไดข้ยายรูปแบบการสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ จาก 5 ขนั เป็น 7 ขนั หรือ 5 E เป็น 7 E ดงันี 1) ขนัตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation) เป็นขนัทีครูจะตงัคาํถามเพือกระตุน้ใหผู้เ้รียนได้แสดงความรู้เดิมออกมา 2) ขนัเร้าความสนใจ (Engagement) เป็นการนาํเขา้สู่บทเรียนหรือเรืองทีสนใจ 3) ขนัสาํรวจและคน้หา (Exploration) เพือวางแผนกาํหนดแนวทางการสาํรวจตรวจสอบ

  • 6

    ตงัสมมติฐาน กาํหนดทางเลือกทีเป็นไปได้ ลงมือปฏิบติัเพือเก็บรวบรวมขอ้มูล 4) ขนัอธิบาย(Explanation) การสาํรวจตรวจสอบแลว้จึงนาํขอ้มูลทีไดม้าวเิคราะห์ แปลผล สรุปผล และ นาํเสนอผล 5) ขนัขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนาํความรู้ทีสร้างขึนไ ปเชือมโยงกบัความรู้เดิมและทาํใหเ้กิดความรู้ ใหม่ 6) ขนัประเมินผล (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ดว้ยกระบวนการต่าง ๆ และ 7) ขนันาํความคิดไปใช้ (Extension) เพือใหน้กัเรียนไดน้าํสิงทีไดเ้รียนมาไปประยกุตใ์ชใ้หเ้กิดประโยชน์ในชีวติประจาํวนั ครูจะเป็นผูก้ระตุน้ใหน้กัเรียนสามารถนาํความรู้ทีไดรั้บไปสร้างเป็นความรู้ใหม่ทีเรียกวา่ “การถ่ายโอนการเรียนรู้” จากการศึกษางานวจิยัทีเกียวขอ้งกบัการนาํวธีิสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ไปทดลองใชพ้บวา่ ดลกาญจน์ วงษสุ์วรรณ (2549 : บทคดัยอ่) ไดศึ้กษาเปรียบเทียบผลของการเรียนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั กบัการสืบเสาะแบบ สสวท. ทีมีต่อแนวความคิดเลือกเกียวกบัมโนมติชีววทิยา : พืชหรือสัตว ์ การจาํแนกพืชและการจาํแนกสัตว ์ และแนวคิดแกปั้ญหาทางวทิยาศาสตร์ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 5 พบวา่ นกัเรียนโดย รวม นกัเรียนชายและนกัเรียนหญิงทีเรียนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั ส่วนใหญ่มีความเขา้ใจอยา่งสมบูรณ์เกียวกบัมโนมติพืชหรือสัตว ์ การจาํแนกพืช และการจาํแนกสัตวม์ากทีสุด รองลงมาคือ มีความเขา้ใจเพียงบางส่วนและมีความเขา้ใจเพียงบางส่วนและมีแนวความคิดทีผดิพลาด ตามลาํดบั กษมา ตราชู (2549 : บทคดัยอ่) ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลของการเรียนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั และการสืบเสาะแบบ สสวท. ทีมีต่อแนวคิดเลือกเกียวกบัมโนมติชีววทิยา : การเจริญเติบโตของพืช การสังเคราะห์ดว้ยแสง และทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ขนัพืนฐาน นกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 4 พบวา่ นกัเรียนโดยส่วนรวมและนกัเรียนชายทีเรียนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั มีความสามารถเขา้ใจอยา่งสมบูรณ์มากกวา่ แต่มีแนวคิดทีผดิพลาดในมโนมติการเจริญเติบโตของพืชนอ้ยกวา่นกัเรียนโดยส่วนรวมและนกัเรียนชายทีเรียนสืบเสาะแบบ สสวท. นกัเรียนโดยส่วนรวมมีความเขา้ใจอยา่งสมบูรณ์มากกวา่ แต่มีความเขา้ใจบางส่วน และมีแนวคิดทีผดิพลาดในมโนมติการสังเคราะห์ดว้ยแสงนอ้ยกวา่นกัเรียนทีเรียนแบบสืบเสาะแบบ สสวท. และนกัเรียนชายมีความเขา้ใจอยา่งสมบูรณ์ในมโนมติทงั 2 มากกวา่นกัเรียนหญิงทีเรียบสืบเสาะแบบ สสวท. อยา่งมีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .05 เดือนเพญ็ ทองเชือ (2550 : บทคดัยอ่) ไดศึ้กษาผลการจดักิจกรรมการเรียนรู้ดว้ย วฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั เรือง อาหารพืนบา้นกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชนัประถมศึกษาปีที 5 พบวา่ แผนการจดักิจกรรมการเรียนรู้ดว้ยวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั เรือง อาหารพืนบา้นกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชนัประถมศึกษาปีที 5 ทีพฒันาขึนมีประสิทธิภาพเท่ากบั 82.07/84.89 ซึงสูงกวา่เกณฑที์กาํหนด ค่าดชันีประสิทธิผลของแผนการจดักิจกรรมการเรียนรู้ดว้ยวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั เท่ากบั 0.56 แสดงวา่นกัเรียนมี ความกา้วหนา้ในการเรียน คิดเป็น

  • 7

    ร้อยละ 56.55โดยสรุป การจดักิจกรรมการเรียนรู้ดว้ยวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั เป็นกิจกรรมทีช่วยให้ผูเ้รียน สามารถอธิบายผลใหเ้ขา้ใจดว้ยความคิดทีเป็นเหตุผล ตลอดถึงการแสดงความคิดวเิคราะห์จากขอ้มูลทีได ้สรุปเป็นองคค์วามรู้ พร้อมนาํเสนอผลการศึกษาตามวธีิการของตนอยา่งเป็นขนัตอนทาํใหมี้ความรู้ ความเขา้ใจเกิดทกัษะกระบวนการทาํงาน รู้จกัศึกษาคน้ควา้ แกปั้ญหา และสร้าง องคค์วามรู้ดว้ยตนเอง สัมฤทธิ สายสอน (2551 : บทคดัยอ่ ) ไดศึ้กษาเปรียบเทียบผลการเรียนระหวา่งการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั และการจดัการเรียนรู้แบบสืบเสาะทีมีผลสัมฤทธิทางการเรียนทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ และเจตคติเชิงวทิยาศาสตร์ ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 6 พบวา่ 1) แผนการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั และแผนการจดั การเรียนรู้แบบสืบเสาะเรือง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยอีวกาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิยาศาสตร์ ชนัประถมศึกษาปีที 6 มีประสิทธิภาพ 75.34/79.35 และ 75.65/77.07 ซึงสูงกวา่เกณฑ์ 75/75 ทีตงัไว ้ 2) ดชันีประสิทธิผลของแผนการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั และแผนการจดัการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรือง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยอีวกาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิยาศาสตร์ ชนัประถมศึกษาปีที 6 เท่ากบั 0.6488 และ 0.6319 ตามลาํดบั แสดงวา่นกัเรียนมีความกา้วหนา้ในการเรียนเพิมขึนร้อยละ 64.88 และร้อยละ 63.19 ตามลาํดบั 3) นกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 6 ทีเรียนดว้ยการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั และ การจดัการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรือง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยอีวกาศ มีผลสัมฤทธิทางการเรียนหลงัการทดลองไม่แตกต่างกนั แต่นกัเรียนทีเรียนดว้ยการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 ขนั มีทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์หลงัเรียนและเจตคติเชิงวทิยาศาสตร์ดา้นความมีเหตุผลสูงกวา่นกัเรียนทีเรียนดว้ยการจดัการเรียนรู้แบบสืบเสาะอยา่งมีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .01 วฒิุชยั ฉายวงศศ์รีสุข (2552 : บทคดัยอ่) ไดศึ้กษาผลการสอนโดยใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้แบบ 5 E เพือพฒันาผลสัมฤทธิทางการเรียนและความคงทนในการเรียนวชิาคณิตศาสตร์ เรือง การคูณของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 3 พบวา่ ผลสัมฤทธิทางการเรียนวชิาคณิตศาสตร์ เรือง การคูณ ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 3 ทีไดรั้บการสอนโดยใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้แบบ 5 E สูงกวา่ก่อนเรียนอยา่งมีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .05 ความคงทนในการเรียนวชิาคณิตศาสตร์ เรือง การคูณ ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 3 ทีไดรั้บการสอนโดยใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้แบบ 5 E ดีเหมือนเดิม โดยมีผลสัมฤทธิทางการเรียนหลงัการทดลองสอน 2 สัปดาห์ แตกต่างกนัอยา่งไม่มีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .05 และอารีย ์ ปานถม (2550 : บทคดัยอ่) ไดศึ้กษาเปรียบเทียบผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชนัประถมศึกษาปีที 2 เรือง โจทยปั์ญหาระคน โดยใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้ 5 E กบัการเรียนปกติ พบวา่ ผลสัมฤทธิทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรืองโจทยปั์ญหาระคนของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 2 กลุ่มทีใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้ 5 E สูงกวา่กลุ่ม

  • 8

    การเรียนรู้ปกติ อยา่งมีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .05 และเจตคติต่อกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรืองโจทยปั์ญหาระคน ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 2 กลุ่มทีใชว้ฏัจกัรการเรียนรู้ 5 E สูงกวา่กลุ่มการเรียนรู้ปกติอยา่งมีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .05 สรุปไดว้า่การสอนแบบวฏัจกัรการเรียนรู้เหมาะสมทีจะใชก้บันกัเรียนทุกระดบัชนั และการสอนโดยใชว้ฏัจกัการเรียนรู้ทาํใหน้กัเรียนมีการพฒันาดา้นความรู้ ความเขา้ใจ การจดั การเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E มุ่งใหผู้เ้รียนแสวงหาความรู้ดว้ยตนเองโดยวธีิการและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพือใหผู้เ้รียนไดฝึ้กคิด ฝึกปฏิบติั และแกปั้ญหาไดด้ว้ยตนเอง จนเกิดกระบวนการทางคณิตศาสตร์นาํจดักิจการการเรียนรู้เพือพฒันาผลการเรียนรู้ เรือง การบวกและ การลบทีมีผลลพัธ์และตวัตงัไม่เกิน 100 ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ดว้ยการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ดงันี E 1 ขนัตรวจสอบความรู้เดิม ( Elicitation) หมายถึง การ ตงัคาํถามเพือกระตุน้ให้นกัเรียนแสดงความรู้เดิมในเรืองทีจะเรียนออกมา เพือครูจะไดรู้้ความรู้พืนฐานเดิมของนกัเรียน E 2 ขนัเร้าความสนใจ ( Engagement) หมายถึง นาํเขา้สู่บทเรียน เป็นเรืองทีเชือมโยงกบัความรู้เดิมทีผูเ้รียนไดเ้รียนรู้มาแลว้ E 3 ขนัสาํรวจและคน้หา ( Exploration) หมายถึง การเปิดโอกาสใหน้กัเรียนไดใ้ช้แนวคิดทีมีอยูม่าจดัความสัมพนัธ์ของเรืองทีกาํลงัเรียน E 4 ขนัอธิบาย (Explanation) หมายถึง การตรวจสอบทีนาํมารวบรวมเพือสรุปผล และหาคาํตอบ E 5 ขนัขยายความรู้ (Elaboration) หมายถึง เป็นการนาํความรู้ทีสร้างขึนไปเชือมโยงกบัความรู้เดิม E 6 ขนัประเมินผล (Evaluation) หมายถึง กิจกรรมทีครูเปิดโอกาสใหน้กัเรียนได้ตรวจสอบแนวคิดและหาคาํตอบทีถูกตอ้ง E 7 ขนันาํความรู้ไปใช ้ ( Extension) หมายถึง นกัเรียนไดน้าํสิงทีไดเ้รียนมาไปประยกุตใ์ชใ้หเ้กิดประโยชน์ เพือกระตุน้ใหน้กัเรียนสามารถนาํความรู้ไปสร้างเป็นความรู้ใหม่ ผูว้จิยัไดก้าํหนดกรอบแนวคิดในการวจิยั ดงัแผนภาพที 1

  • 9

    ตวัแปรตน้ ตวัแปรตาม

    แผนภาพที 1 กรอบแนวคิดในการวจิยั วตัถุประสงค์ของการวจัิย 1. เพือเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรือง การบวกและการลบ ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ก่อนและหลงัเรียนดว้ยการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E 2. เพือศึกษาความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 3. เพือศึกษาความพึงพอใจของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ทีมีต่อการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E

    คําถามในการวจัิย 1. ผลการเรียนรู้สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรืองการบวกและการลบ ของนกัเรียน ชนัประถมศึกษาปีที 1 ดวัยการจดัการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ก่อนและหลงัเรียนแตกต่างกนัหรือไม่ 2. ความสามารถในการเรียนรู้แบบวฏัจกัรการเรียนรู้ 7 E ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 อยูใ่นระดบัใด 3. ความพึงพอใจของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 1 ทีมีต่อการจดัการเรียนรู้แบบ