ทบทวน bus law 2 thai mid term
TRANSCRIPT
ทบทวน
ตั๋วเงิน
• 1.ประเภทของตั๋วเงินม.898
ตามป.พ.พมี3ประเภทคือตั๋วแลกเงิน(ผู้เกี่ยวข้องคือผู้สั่งจ่าย‐ผู้จ่าย‐ผู้รับเงิน)
ตั๋วสัญญาใช้เงิน(ผู้เกี่ยวข้องคือผู้ออกตั๋ว‐ผู้รับเงิน)เช็ค(ผู้เกี่ยวข้องคือผู้สั่งจ่าย‐ธนาคาร/ผู้จ่าย‐ผู้รับเงิน)
• 2.ตั๋วเงินแต่ละประเภทก็ต้องมีรายการตามที่กฎหมายกําหนดอย่างครบถ้วน
‐ตั๋วแลกเงิน(ม.909)
‐ตั๋วสัญญาใช้เงิน(ม.983)
‐เช็ค(ม.988)
• 3.จะต้องมีข้อความระบุในตั๋วเงินได้เฉพาะที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น
แต่แม้มีข้อความที่เกินเลยจากที่กฎหมายกําหนดก็มีผลเพียงข้อความนั้นใช้ไม่ได้มิใช่ตั๋วเสียไป(ม.899)
• 4.ผู้ใดที่ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินไม่ว่าจะเขียนไว้ในลักษณะใดหรือเป็นการปลอมชื่อผู้ใดมาก็ตามให้ถือเป็นลายมือชื่อของผู้นั้นและมีผลให้ต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น(ม.900)
ผู้ใดที่ลงชื่อในตั๋วเงินแทนผู้อื่นถ้ามิได้แถลงว่าทําการแทนก็ต้องรับผิดในตั๋วตามม.900(ม.901)
ถ้าได้แถลงว่าทําการแทนก็ไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวตามม.900(ตัวการผู้มอบอํานาจก็รับผิดในตั๋วเงินตามฐานะตัวแทนม.820ไม่ใช่ม.900)
• ชนิดของตั๋วเงิน
‐ตั๋วผู้ถือ:คือตั๋วเงินที่ออกโดยมิได้ระบุชื่อผู้ใดให้เป็นผู้รับเงิน
‐ตั๋วระบุชื่อ:คือตั๋วเงินที่ออกโดยระบุชื่อบุคคลให้เป็นผู้รับเงิน
• ผูทรง : คือ ผูมีสิทธิเรียกรองใหชำระเงินตามตั๋ว หรือเจาหนี้ตามตั๋ว
นั่นเอง มีองคประกอบคือC
1. มีตั๋วอยูในครอบครองC
2. การครอบครองนั้นจะตองครอบครองในฐานะ ผูรับเงิน หรือ ผูรับสลัก
หลังC
• การพิสูจน์การเป็นผู้ทรงมาตรา905ตั๋วระบุชื่อเฉพาะ/ตั๋วที่สลักหลังเฉพาะ/ตั๋วที่สลักหลังลอย:ผู้ทรงคือเป็นผู้ที่มีชื่อระบุไว้ให้เป็นผู้รับเงินในตั๋วเงินหรือให้เป็นผู้รับสลักหลังเฉพาะหรือผู้ที่ครอบครองตั๋วที่สลักหลังลอยได้รับตั๋วเงินนั้นมาในครอบครองของตนโดยสุจริต/ไม่ได้มาโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงสามารถแสดงว่าได้รับตั๋วเงินมาโดยการสลักหลังไม่ขาดสาย
• ตั๋วผู้ถือ:ผู้ทรงคือ
เป็นผู้ที่ครอบครองตั๋วเงินอยู่ในขณะนั้นได้รับตั๋วเงินนั้นมาในครอบครองของตนโดยสุจริต/ไม่ได้มาโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ผู้ทรงก็ได้รับสิทธิที่จะสามารถยึดถือตั๋วเงินนั้นเพื่อเรียกประโยชน์ที่ตนพึงจะได้ตามตั๋วเงิน
นั้นโดยไม่จําต้องสละตั๋วเงินนั้นให้แก่ผู้ใด
• ตั๋วแลกเงิน:คือหนังสือตราสารที่ผู้สั่งจ่ายสั่งให้ผู้จ่าย(ซึ่งจะเป็นตัวผู้สั่งจ่ายเองหรือ
บุคคลอื่นก็ได้ตามม.912)จ่ายเงินให้ตามจํานวนที่กําหนดหรือตามคําสั่งของ
ผู้รับเงิน(ม.908)
2.รายการในตั๋วแลกเงิน(ม.909‐ม.910)ถ้ามีไม่ครบย่อมไม่สมบูรณ์เป็นตั๋วแลกเงิน
2.1.ที่จําเป็นต้องระบุให้ตรงตามที่กฎหมายกําหนด
คําบอกว่าเป็นตั๋วแลกเงิน:จะเป็นไทย‐ENGก็ได้
คําสั่งโดยปราศจากเงื่อนไขให้จ่ายเงินเป็นจํานวนแน่นอน:จะเป็นเงินไทย‐เงินต่างประเทศก็ได้
ชื่อหรือยี่ห้อผู้จ่าย:ต้องระบุให้ชัดเจนแน่นอนโดยอาจเป็นคนเดียวหรือร่วมกันหลายๆคนก็ได้
‐ชื่อหรือยี่ห้อผู้รับเงินหรือคําจดแจ้งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ
ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย
• 2.2.ที่ไม่จําเป็นต้องระบุให้ตรงตามที่กฎหมายกําหนด
วันกําหนดให้ใช้เงิน:โดยสามารถระบุกําหนดได้ตามม.913
แต่ถ้าไม่ระบุไว้ให้ถือว่าให้ใช้เงินเมื่อได้เห็น
สถานที่ใช้เงิน:จะกําหนดไว้ที่เดียวหรือหลายที่ก็ได้ถ้าไม่ระบุไว้ให้ถือเอาภูมิลําเนาของผู้จ่ายเป็นสถานที่ใช้เงิน
วันและสถานที่ออกตั๋วเงิน:ไม่จําเป็นต้องตรงกับวันที่เขียนจริงๆก็ได้และถ้าไม่ได้ลงวันที่ไว้ก็ให้ผู้ทรงโดยชอบสามารถทําการโดยสุจริตเพื่อจดวันที่ถูกต้องลงในตั๋วเงินได้หรือถ้าไม่ได้ลงสถานที่ออกตั๋วไว้ให้ถือว่าตั๋วเงินได้ออกณภูมิลําเนาผู้สั่งจ่าย
• ผลของการสั่งจ่ายตั๋วแลกเงิน/การสลักหลังตั๋วแลกเงินตามม.914คือ:เป็นการสัญญาว่า
‐ถ้าผู้ทรงนําตั๋วนั้นไปยื่นโดยชอบแล้วจะมีผู้รับรอง+ใช้เงินตามตั๋วนั้นซึ่งถ้าไม่มีใครยอมรับรองหรือไม่ยอมจ่ายเงินตามตั๋วถือว่าตั๋วขาดความเชื่อถือถ้าผู้ทรงปฏิบัติตามวิธีการ
ในกรณีไม่รับรองหรือไม่จ่ายเงินแล้วผู้สั่งจ่าย/ผู้สลักหลังก็จะต้องใช้เงินให้แก่ผู้ทรง
และถ้าผู้สลักหลังรายใดถ้าถูกบังคับให้ชําระเงินตามตั๋วให้แก่ผู้ทรงไปแล้วสามารถเรียกเงินที่ชําระไปแล้วคืนได้จากผู้สั่งจ่าย/ผู้สลักหลังรายก่อนตนได้เช่นกัน
• การโอนตั๋วแลกเงิน1.การโอนตั๋วแลกเงินที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ(ตั๋วผู้ถือ)ตามม.918
ตั๋วผู้ถือนั้นสามารถโอนให้แก่กันเพียงด้วยส่งมอบให้กัน2.การโอนตั๋วแลกเงินที่ระบุผู้รับเงินไว้โดยเฉพาะ(ตั๋วระบุชื่อเฉพาะ)ตามม.917
ตั๋วที่ระบุชื่อผู้รับเงินไม่ว่าจะมีคําสั่งให้ใช้เงินตามเขาสั่งหรือไม่ก็ตามแบ่งเป็นตั๋วระบุชื่อเฉพาะทั่วไป:สามารถโอนให้แก่กันโดยวิธีการสลักหลัง+ส่งมอบ
ตั๋วระบุชื่อเฉพาะที่มีข้อความห้ามโอน/ห้ามเปลี่ยนมืออยู่ที่ด้านหน้าของตั๋ว(เช่น?A/CPAYEEONLY?):สามารถโอนให้แก่กันโดยวิธีการสลักหลัง+ส่งมอบ+ทําการโอนเป็นหนังสือและบอกกล่าวการโอนนั้นให้แก่ผู้สั่งจ่ายทราบตามม.306(วิธีการโอนอย่างสามัญ)
• ตั๋วเงินนั้นจะสลักหลังให้แก่ผู้จ่ายหรือผู้สั่งจ่ายหรือคู่สัญญาอื่นๆในตั๋วก็ได้และบุคคล
เหล่านั้นก็สามารถโอนตั๋วต่อไปได้ • ผลคือบุคคลเหล่านั้นก็ไม่สามารถไล่เบี้ยจากผู้ที่โอนมาให้ตนนั่นเอง
• การสลักหลังตั๋วแลกเงิน(ม.919+ม.920)
1.วิธีการสลักหลัง
ผู้สลักหลังจะต้องเขียนคําสลักหลังลงในตั๋วแลกเงิน/ใบประจําต่อ+ลงลายมือชื่อผู้สลักหลังโดยถ้าทําที่
‐ด้านหลังตั๋วก็สามารสลักหลังได้ทั้งสลักหลังลอยและสลักหลังเฉพาะ
‐ด้านหน้าตั๋วสามารถสลักหลังได้เฉพาะสลักหลังเฉพาะเท่านั้น(เพราะถ้า
สลักหลังลอยจะถือเป็นการรับอาวัลผู้สั่งจ่ายตามม.939วรรค3)
2.ผลของการสลักหลัง
ผู้ที่รับสลักหลังมาถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายที่รับโอนสิทธิต่างๆอันเกิด
แต่ตั๋วแลกเงินนั้นมาทั้งหมดคือ
‐สิทธิในการที่จะบังคับชําระหนี้ตามตั๋ว(ม.900+ม.914)
‐ขัดขวางมิต้องส่งมอบตั๋วให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิ/เรียกตั๋วคืนจากผุ้ไม่มีสิทธิยึดถือ
(ม.1008)
‐ส่งมอบหรือสลักหลังตั๋วส่งมอบต่อไปให้แก่บุคคลอื่น
• สลักหลังลอย:มีผลให้ผู้ใดที่ครอบครองตั๋วอยู่ในขณะนั้นให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบหากต้องการจะโอนตั๋วไปยังบุคคลอื่นสามารถเลือกกระทําได้ดังนี้วิธีที่1:กรอกชื่อของตนเองหรือชื่อบุคคลอื่นลงในที่ว่างวิธีที่2:สลักหลังลอยหรือสลักหลังเฉพาะแล้วส่งมอบวิธีที่3:ส่งมอบเฉยๆให้แก่บุคคลอื่น
สลักหลังเฉพาะ:มีผลให้ผู้ที่มีชื่อระบุไว้ในตั๋วให้เป็นผู้รับเงินเท่านั้นที่เป็นผู้ทรงโดยชอบหากต้องการจะโอนตั๋วไปยังบุคคลอื่นสามารถเลือกกระทําได้ดังนี้1)วิธีที่1:สลักหลังลอย+ส่งมอบ
2)วิธีที่2:สลักหลังเฉพาะ+ส่งมอบ
• การขีดฆ่าคําสลักหลัง(ม.905ว.1)
คือหลังจากสลักหลังตั๋วแล้วอาจมีการขีดฆ่าออกได้(แต่จะต้องก่อนส่งมอบ)ประเภทของการสลักหลังสลักหลังลอย:คือการสลักหลังส่งมอบโดยมิได้ระบุให้ผู้ใดเป็นผู้รับเงิน
สลักหลังเฉพาะ:คือการสลักหลังส่งมอบโดยระบุชื่อผู้รับเงินไว้โดยเฉพาะสลักหลังแบบมีเงื่อนไข(ม.922วรรค1)ถือว่าตั๋วนั้นยังสมบูรณ์โดยเสมือนไม่มีเงื่อนไขที่กําหนดไว้นั้นเลยสลักหลังโอนบางส่วน(ม.922วรรค2)
ถือว่าการโอนเป็นโมฆะถ้าส่งมอบไปแล้วก็เรียกคืนได้
• การรับรองตั๋วแลกเงิน(ม.937)การรับรองตั๋วแลกเงินคือการที่ผู้จ่ายเงินลงชื่อในตั๋วแสดงการยอมจะทําการจ่ายเงินตาม
คําสั่งของผู้สั่งจ่ายซึ่งจะมีผลทําให้ผู้รับรองต้องรับผิดตามตั๋วนั้นในฐานะลูกหนี้ชั้นต้น(เป็นการ
สร้างความมั่นใจให้กับผู้ทรงนั่นเอง)โดย‐การรับรองนั้นสามารถกระทําได้เฉพาะผู้จ่ายเท่านั้น
‐การรับรองเป็นบทเฉพาะตั๋วแลกเงินเท่านั้นเพราะตั๋วสัญญาใช้เงินมีม.986ระบุให้
ผู้ออกตั๋วผูกพันอย่างเดียวกับผู้รับรองอยู่แล้วส่วนเช็คนั้นธนาคารต้องจ่ายเงินทันทีที่ผู้ทรงเช็คนําเช็คไปยื่น(การรับรองเช็คตามม.993ไม่ใช่การรับรองตามม.937นี้ถือ
เป็นบทเฉพาะเช็คเท่านั้น)
• ประเภทของตั๋วที่ต้องรับรอง:มี3ประเภท
1.ประเภทที่ต้องนําตั๋วไปยื่นให้รับรองเสมอคือ
‐ม.928:ตั๋วที่ให้ใช้เงินเมื่อสิ้นระยะเวลานับแต่ได้เห็นตามม.913(4)ต้อง
ยื่นให้รับรองภายใน6เดือนนับแต่วันลงในตั๋ว(เพราะยังไม่รู้วันแน่นอนจึงต้องรับรองเพื่อจะได้เริ่มนับวันได้)
‐ม.927ว.2:ตั๋วที่ผู้สั่งจ่ายกําหนดไว้ว่าจะต้องยื่นให้รับรอง(โดยจะกําหนดเวลาให้รับรองหรือไม่ก็ได้)
‐ม.927ว.5:ตั๋วที่ผู้สลักหลังกําหนดไว้ว่าจะต้องยื่นให้รับรองเว้นแต่มีคําสั่งห้ามให้นําไปยื่นให้รับรองของผู้สั่งจ่ายไว้*
• 9.2.2.ประเภทที่นําไปยื่นให้รับรองไม่ได้คือ
‐ม.913(3):ตั๋วที่ต้องใช้เงินเมื่อเห็น(เพราะต้องจ่ายเงินทันทีที่เห็น)
‐ม.927ว.3:ผู้สั่งจ่ายสั่งห้ามยื่นให้รับรอง(*คือผู้สั่งจ่ายนั้นสามารถสั่งห้ามได้ทุกกรณียกเว้น‐เป็นตั๋วที่ต้องใช้เงินเมื่อสิ้นระยะเวลานับแต่ได้เห็นตามเพราะโดยสภาพแล้วต้องรับรองเสมอนั่นเอง
• ประเภทที่นําไปยื่นให้รับรองหรือไม่ก็ได้คือ‐ม.913(1):ตั๋วที่กําหนดวันให้ใช้เงินไว้แน่นอน‐ม.913(2):ตั๋วที่กําหนดให้ใช้เงินเมื่อสิ้นระยะเวลานับแต่วันที่ลงในตั๋ว(*แต่ทั้งนี้ถ้าผู้สั่งจ่ายสั่งให้ยื่นหรือสั่งไม่ให้ยื่นก็ต้องปฏิบัติตามนั้น)กําหนดเวลาในการยื่นให้รับรอง:โดยปกติแล้วผู้ทรงสามารถจะนําตั๋วไปยื่นให้ผู้จ่ายรับรองเมื่อใดก็ได้จนกว่าจะถึงกําหนดให้ใช้เงิน
• ผลของการไม่นําตั๋วไปยื่นให้รับรองภายในกําหนดเวลา:ป็นตั๋วประเภทที่ต้องยื่นให้รับรอง(ม.973):มี3ประเภท
1.ตั๋วที่ให้ใช้เงินในระยะเวลานับแต่ได้เห็น:ผู้ทรงก็สิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอากับผู้สลักหลัง/ผู้สั่งจ่าย/คู่สัญญาอื่นๆ
2.ตั๋วที่ผู้สั่งจ่ายกําหนดไว้ว่าต้องยื่นให้รับรอง:ผู้ทรงก็สิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอากับผู้สลักหลัง/ผู้สั่งจ่าย/คู่สัญญาอื่นๆ3.ตั๋วที่ผู้สลักหลังกําหนดเวลาให้รับรอง:
ผู้ทรงก็สิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอากับผู้สลักหลังที่กําหนดข้อความนั้นเท่านั้น
• ประเภทของการรับรอง(ม.935)มี2ประเภท9.7.1.รับรองตลอดไป:เป็นการรับรองโดยไม่มีการแก้คําสั่งผู้สั่งจ่ายเลย9.7.2.รับรองบ่ายเบี่ยง:(ม.936)เป็นการรับรองโดยการแก้ไขคําสั่งผู้สั่งจ่ายมี2กรณี‐รับรองแบบมีเงื่อนไข‐รับรองบางส่วน
• ทั้งการรับรองแบบมีเงื่อนไขและการรับรองบางส่วนนั้นผู้ทรงมีสิทธิบอกปัดไม่ยอมรับการรับรองนั้นได้ซึ่งจะทําให้ตั๋วขาดความเชื่อถือผู้ทรงสามารถไล่เบี้ยตามตั๋วได้ทันทีตามม.936ว.1+ม.959ข(1)
2)ถ้าผู้ทรงยอมรับคํารับรองแบบมีเงื่อนไข:ผู้สั่งจ่าย‐ผู้สลักหลังต้องให้ความยินยอมถ้าไม่ยินยอมก็หลุดพ้นผู้ทรงสามารถเรียกได้จากผู้รับรองเท่านั้น
3)ถ้าผู้ทรงยอมรับคํารับรองแบบบางส่วน:ต้องบอกล่าวผู้สั่งจ่าย‐ผู้สลักหลังโดยไม่จําต้องให้ความยินยอมก็ได้
• การใช้เงินตามตั๋วแลกเงิน(ม.941)
ผู้จ่ายเงินจะต้องใช้เงินเมื่อตั๋วถึงกําหนดเมื่อถึงกําหนดให้ใช้เงิน
วันที่ตั๋วถึงกําหนดให้ใช้เงิน(ม.913)
‐ตามวันที่กําหนดไว้
‐เมื่อสิ้นระยะเวลาตามที่กําหนดไว้นับแต่วันที่ลงในตั๋ว
‐เมื่อทวงถามหรือเมื่อได้เห็น(ม.944กําหนดให้ยื่นให้ใช้เงินภายใน6เดือนนับแต่วันที่ลงในตั๋ว)
‐เมื่อสิ้นระยะเวลาตามวันลงตามวันที่กําหนดไว้นับแต่ได้เห็น(ม.943ว.1กําหนดให้ตั้งแต่วันรับรองตั๋วหรือวันคัดค้านถ้าไม่มีให้ถือว่าได้รับรองในวันท้ายแห่งกําหนดเวลาตามกฎหมายหรือตามสัญญาเพื่อการยื่นตั๋วเงิน)
• ผลของการไม่ยื่นตั๋วให้ชําระเงินตามกําหนด
1.ตามมารตรา973ว.1;คือผู้ทรงสิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้สลักหลัง/ผู้สั่งจ่าย/คู่สัญญาอื่นๆยกเว้นผู้รับรองในกรณีต่อไปนี้.‐1)พ้นเวลาสําหรับยื่นตั๋วชนิดให้ใช้เงินเมื่อได้เห็นหรือเมื่อพ้นระยะเวลานับแต่ได้เห็นไปแล้ว
2)พ้นเวลาทําคําคัดค้านการไม่รับรองหรือการไม่ใช้เงินไปแล้ว3)พ้นเวลาสําหรับยื่นตั๋วให้ใช้เงินในกรณีกําหนดว่าไม่จําต้องทําคําคัดค้าน
• บุคคลผู้ใช้เงิน(ม.949)คือ:‐ผู้จ่าย‐ผู้รับรอง‐ผู้อื่นที่เข้าใช้เงินเพื่อแก้หน้า‐ผู้สลักหลังที่เข้าใช้เงินแล้วรับตั๋วนั้นกลับคืนมาในครอบครองโดยผู้จ่ายจะหลุดพ้นความรับผิดในกรณีที่ตั๋วถึงกําหนดชําระเงินแล้วและได้เข้าใช้เงินโดยสุจริตให้แก่ผู้ที่ถือตั๋วไว้ในครอบครองโดยปราศจากกลฉ้อฉลหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
• *คําว่า?ภายใต้ม.1009..?คือ
‐ถ้าผู้จ่ายเป็นธนาคารจะต้องใช้ม.1009มาบังคับ
‐ถ้าผู้จ่ายเป็นบุคลทั่วไปจะต้องใช้ม.949มาบังคับ
• การรับอาวัล(ม.938‐ม.940)
คือ:การรับประกันตั๋วเงิน(แต่มิได้ใช้บทบัญญัติเรื่องค้ําประกันมาบังคับใช้เพราะถือเป็นเรื่องเฉพาะ)1.ประเภทของการรับอาวัล:มี2ประเภท1.1.โดยผลของกฎหมาย(ม.921)
คือการสลักหลังตั๋วผู้ถือถือว่าเป็นการประกันผู้สั่งจ่าย1.2.ตามแบบ(ม.939)มี2วิธีคือ.‐
• 1)เขียนข้อความลงในด้านหลังตั๋วเงินหรือใบประจําต่อว่าเป็นการรับอาวัลหรือในทํานองเดียวกันและลงชื่อผู้อาวัลโดย
‐ถ้าระบุว่าอาวัลใครก็ให้มีผลเป็นการรับอาวัลผู้นั้น‐ถ้าไม่ระบุว่าอาวัลใครให้ถือว่าเป็นการอาวัลผู้สั่งจ่าย
2)ลงลายมือชื่อไว้ด้านหน้าตั๋วเงินโดยไม่ได้ระบุข้อความอะไรก็ถือว่าเป็นการอาวัลโดย‐ถ้าระบุว่าอาวัลใครก็ให้มีผลเป็นการรับอาวัลผู้นั้น
‐ถ้าไม่ระบุว่าอาวัลใครให้ถือว่าเป็นการอาวัลผู้สั่งจ่าย
• บุคคลผู้รับอาวัลได้(ม.938ว.2)
1)บุคคลภายนอก
2)คู่สัญญาในตั๋วเงินฝ่ายใดก็ได้
ความรับผิดของผู้รับอาวัล(ม.940ว.1)
ต้องรับผิดอย่างเดียวกับผู้ที่ตนเข้ารับอาวัลทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย
• ถ้าผู้รับอาวัลได้ใช้เงินไปแล้ว(ม.940ว.3)สามารถไล่เบี้ยเอากับบุคคลต่อไปนี้ได้คือ.‐
1)บุคคลที่ตนเข้าประกัน2)ผู้ต้องรับผิดต่อบุคคลที่ตนเข้าประกัน(เช่น:ผุ้สลักหลังก่อนคนที่ตนเข้ารับอาวัล)
*ข้อสังเกต:‐กรณีที่มีผู้รับอาวัลหลายคนเช่น:มีผู้สลักหลังตั๋วผู้ถือหลายรายถ้าคนใดจ่ายเงินตามตั๋วให้แก่
ผู้ทรงไปแล้วก็ไม่สามารถเรียกเอาจากผู้รับอาวัลรายอื่นๆได้เพราะถือว่าการรับอาวัลแต่ละรายต้องแยกจากกันและไม่ถือว่าเป็นลูกหนี้ร่วมกัน
• ผู้รับอาวัลต้องรับผิดในฐานะเดียวกับบุคคลที่ตนเข้ารับอาวัล
จึงไม่ถือว่าผู้รับอาวัลเป็นผู้ค้ําประกันแต่ก็ไม่ถือว่าผู้รับอาวัล
ต้องร่วมรับผิดกับบุคคลที่ตนเข้าอาวัลด้วยผู้รับอาวัลจึง
สามารถไล่เบี้ยคืนได้เต็มจํานวนที่จ่ายไป
• การไล่เบี้ยคือ:การเรียกค่าเสียหายเป็นลําดับไปจนที่สุด
16.1.ความรับผิดของลูกหนี้ตามตั๋วเงิน(ม.967)ตามปกติม.900เป็นบทบัญญัติระบุว่าผู้มีชื่อในตั๋วต้องรับผิดเป็นลูกหนี้ตามตั๋วซึ่ง
นอกจากนี้ลูกหนี้ตามตั๋วยังมีม.914:ผู้สลักหลัง/ผู้สั่งจ่าย
ม.937:ผู้รับรอง:ต้องรับผิดในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นตามจํานวนที่รับรองไว้ม.940:ผู้รับอาวัล:รับผิดอย่างเดียวกับบุคคลที่ตนเข้าประกันม.952:ผู้รับรองโดยสอดเข้าแก้หน้า
โดยเจ้าหนี้จะเรียกร้องกับลูกหนี้รายใดก่อนก็ได้ถ้าได้ไม่ครบก็สามารถเรียกกับลูกหนี้รายอื่นได้
• การใช้สิทธิไล่เบี้ย(ม.959)แบ่งเป็น2กรณี
1)ไล่เบี้ยเมื่อตั๋วถึงกําหนดแล้วไม่มีการใช้เงินคือเมื่อตั๋วถึงกําหนดแล้วผู้ทรงนําตั๋วไปยื่นให้ผู้จ่าย‐ผู้รับรองใช้เงินแต่ไม่มีการใช้เงินก็สามารถไล่เบี้ยได้
(โดยถ้ากรณีใดต้องทําคําคัดค้านก่อนก็ต้องทําคําคัดค้านก่อนจึงจะไล่เบี้ยได้)2)ไล่เบี้ยกรณีตั๋วยังไม่ถึงกําหนดคือ
‐เมื่อผู้จ่ายบอกปัดไม่รับรองตั๋ว
‐เมื่อผู้จ่ายไม่ว่าจะรับรองหรือไม่ตกเป็นบุคคลล้มละลายหรือได้งดเว้นการชําระหนี้หรือถูกยึดทรัพย์แล้วการยึดทรัพย์นั้นไร้ผล
• เช็ค1.เช็คคืออะไรมีคู่สัญญาคือใคร
รายละเอียดตามมาตรา987(ดังที่กล่าวมาแล้วในส่วนของตั๋วแลกเงิน)2.รายเอียดของเช็ค
รายละเอียดตามมาตรา988(เช่นเดียวกับตั๋วแลกเงินมาตรา909‐มาตรา910)
3..เช็คสามารถนําบทบัญญัติของตั๋วแลกเงินมาใช้บังคับได้บางมาตรา
รายละเอียดตามมาตรา9894.การยื่นเช็คให้ธนาคารใช้เงินรายละเอียดตามมาตรา990
คือเช็คนั้นต้องทําการยื่นให้ธนาคารใช้เงินก่อนถ้าธนาคารไม่จ่ายจึงจะมีสิทธิฟ้องไล่เบี้ย
• เช็คที่ออกจากต่างประเทศ(ม.973+ม.989ว.2)‐เช็คที่ออกภายในประเทศ
1.ที่ออกในเมืองเดียวกันนั้นต้องนําเช็คไปยื่นภายใน1เดือนนับแต่วันออกตั๋ว
2.ที่ออกที่อื่นต้องนําเช็คไปยื่นภายใน3เดือนนับแต่วันออกตั๋ว*มิฉะนั้นจะสิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอาจากผู้สลักหลังทั้งปวง/ผู้สั่งจ่าย(เท่าที่เสียหายเพราะการไม่ยื่นในเวลา)
*ข้อยกเว้นที่ผู้ทรงไม่จําเป็นต้องยื่นเช็คให้ธนาคารชําระเงินก่อนคือ1.ผู้สั่งจ่ายตาย(ผู้ทรงก็ฟ้องทายาทได้เลยไม่ต้องเอาเช็คไปเรียกเก็บเงินก่อน)2.บัญชีในธนาคารของผู้สั่งจ่ายปิด
• อํานาจหน้าที่ธนาคารในการใช้เงิน‐รายละเอียดตามมาตรา991
คือธนาคารนั้นไม่ใช่คู่สัญญาในเช็คดังนั้นผู้ทรงเช็คไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจากธนาคารได้ต้องเรียกเงินจากผู้สั่งจ่าย‐ผู้สลักหลังเท่านั้น(แต่ถ้าธนาคารเป็นผู้ออกเช็คเองธนาคารก็ต้องรับผิดตามม.900อยู่แล้ว)แต่ธนาคารก็มีหน้าที่ที่จะต้องจ่ายเงินตามเช็คให้แก่ผู้ทรงนํามาเบิกกับตนยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้1.ในบัญชีของผู้สั่งจ่ายไม่มีเงินพอจ่ายตามเช็ค(แต่ทางปฏิบัติธนาคารก็จะจ่ายไปเท่าที่มีเหลืออยู่ตามม.946+ม.989หรือจ่ายไปให้เต็มตามจํานวนแล้วธนาคารก็ไปเรียกคืนจ่ายผู้สั่งจ่ายที่เป็นผู้เคยค้ากับตนซึ่งในปัจจุบันถือว่าวิธีการเช่นนี้กลายเป็นจารีตประเพณีไปแล้วแม้ไม่มีการตกลงกันไว้ก่อนก็ตาม)2.ยื่นเช็คให้ใช้เงินเมื่อพ้น6เดือนนับแต่วันออกเช็ค
*ข้อสังเกต:ม.990เป็นการหลุดพ้นของคู่สัญญาคือถ้ามีผู้มายื่นให้ใช้เงินเกิน1,3เดือนแต่ถ้ายังไม่ถึง6เดือนธนาคารยังต้องจ่ายเงินตามเช็คอยู่จะปฏิเสธไม่ได้แต่ถ้าเกิน6เดือนธนาคารสามารถปฏิเสธการจ่ายได้ทุกกรณี)3.เมื่อมีคําบอกกล่าวว่าเช็คนั้นหายหรือถูกลัก
(ซึ่งนอกจาก3สาเหตุนี้แล้วธนาคารกับลูกค้ายังสามารถตกลงเหตุระงับการจ่ายอย่างอื่นไว้ในคําขอเปิดบัญชีก็ได้เช่นหากเช็คฉีกขาด,หากใช้ดินสอเขียน)
• ม.991นี้เมื่อมีเหตุดังกล่าวธนาคารจะใช้ดุลยพินิจงดจ่ายหรือไม่ก็ได้ถ้าจะจ่ายก็ต้องจ่ายโดยสุจริต‐ไม่ประมาทเลินเล่อมิฉะนั้นจะถือว่าผิดสัญญาฝากทรัพย์เป็นละเมิดได้
• รายละเอียดตามมาตรา992
คือถ้ามีกรณีต่อไปนี้ธนาคารต้องงดจ่ายเงินถ้าหากจ่ายไปต้องรับผิดต่อลูกค้าคือ
1.มีคําบอกกล่าวห้ามใช้เงินโดยผู้สั่งจ่าย
2.รู้ว่าผู้สั่งจ่ายตาย
3.รู้ว่าศาลมีคําสั่งรักษาทรัพย์ชั่วคราว
• การรับรองเช็ครายละเอียดตามมาตรา993
คือโดยการที่ธนาคารเขียนข้อความว่า?ใช้ได้‐ใช้เงินได้?+ลงลายมือชื่อประทับตราผู้มีอํานาจโดยถ้า‐ผู้ทรงเป็นผู้จัดการให้ธนาคารรับรองผู้สั่งจ่าย/ผู้สลักหลังทั้งหมดหลุดพ้น
‐ผู้สั่งจ่าย/ผู้สลักหลังเป็นผู้จัดการให้ธนาคารรับรองผู้สั่งจ่าย/ผู้สลักหลังทั้งหมดไม่หลุดพ้น
มีผลให้:ธนาคารผู้รับรองมีฐานะเป็นลูกหนี้ชั้นต้นดังนั้น‐ผู้ทรงสามารถฟ้องธนาคารโดยตรงได้โดยธนาคารจะอ้างม.990,ม.992ไม่ได้
• ‐ไม่อยู่ในบังคับม.990(เพราะไม่ใช่ผู้สลักหลัง/ผู้สั่งจ่าย)
‐ใช้อายุความ10ปี(เพราะไม่มีระบุในม.1001,ม.1002,ม.1003)
• เช็คขีดคร่อม
‐เช็คขีดคร่อมคืออะไร(ม.994)คือเช็คที่มีเส้นคู่ขนานขีดขวางหน้ามีผลให้เช็คนั้นจะต้องเรียกเก็บเงินผ่านธนาคารเท่านั้นซึ่งมี2ชนิดคือ1.เช็คขีดคร่อมทั่วไป:คือเช็คที่ไม่ระบุชื่อให้ธนาคารใดเป็นผู้จัดเก็บ2.เช็คขีดคร่อมเฉพาะ;คือเช็คที่ระบุชื่อเฉพาะว่าให้ธนาคารใดเป็นผู้จัดเก็บเงินซึ่งการขีดคร่อมนี้สามารถทําได้ทั้งในเช็คผู้ถือและเช็คระบุชื่อ
• ผู้มีอํานาจขีดคร่อม(ม.995)
1.ผู้สั่งจ่าย/ผู้ทรงคนใดก็ได้2.ถ้าเช็คขีดคร่อมทั่วไปผู้ทรงจะทําให้เป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะก็ได้3.ถ้าเช็คขีดคร่อมทั่วไปหรือขีดคร่อมเฉพาะผู้ทรงจะเติมคําว่า?ห้ามเปลี่ยนมือ?ก็ได้(การห้ามเปลี่ยนมือตามมาตรานี้เป็นแค่แสดงว่าให้เอาเงินเข้าบัญชีผู้ทรงเท่านั้นไม่ถือเป็นการห้ามโอนตามม.917)ม.9994.เช็คขีดคร่อมธนาคารใดธนาคารนั้นจะขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคารอื่นก็ได้5.เช็คไม่มีขีดคร่อมหรือไม่มีขีดคร่อมเฉพาะสั่งให้ธนาคารใดเรียกเก็บเงินธนาคารนั้นจะขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ตนเองก็ได้
• หน้าที่ของธนาคารกรณีเช็คขีดคร่อม(ม.997)1.เช็คขีดคร่อมเฉพาะหลายธนาคารให้ธนาคารบอกปัดไม่ใช้เงินให้ยกเว้นเป็นการขีดคร่อมฐานตัวแทนเรียกเก็บเงิน2.ถ้าธนาคารปฏิบัติต่อไปนี้
‐จ่ายเงินกรณีเป็นเช็คขีดคร่อมหลายธนาคาร‐เช็คขีดคร่อมทั่วไปธนาคารผู้จ่ายเงินให้แก่บุคคลที่ไม่ใช่ธนาคาร
‐เช็คขีดคร่อมเฉพาะธนาคารผู้จ่ายได้จ่ายเงินให้ธนาคารที่มิได้ระบุในเช็คธนาคารจ่ายเงินไปก็ต้องรับผิดชอบต่อเจ้าของเช็คที่แท้จริงนั้น
• อายุความ
1.อายุความฟ้องผู้รับรอง/ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน(ม.1001)ต้องฟ้องภายใน3ปีนับแต่ตั๋วถึงกําหนดใช้เงิน(กําหนดใช้เงินตามม.913)2.อายุความผู้ทรงฟ้องผู้สลักหลัง/ผู้สั่งจ่าย(ม.1002)ต้องฟ้องภายใน1ปีนับแต่วันที่ลงในคําคัดค้าน/นับแต่วันที่ตั๋วถึงกําหนด(กรณีไม่ต้องมีคําคัดค้าน)3.อายุความผู้สลักหลังฟ้องไล่เบี้ยกันเอง/ฟ้องผู้สั่งจ่าย(ม.1003)ต้องฟ้องภายใน6เดือนนับแต่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงินไป
• ‐ฟ้องผู้รับอาวัล:ดูว่าอาวัลใครก็ใช้อายุความคนนั้น‐ผู้รับอาวัลฟ้องกรณีที่ได้ใช้เงินไปแล้วไล่เบี้ยคืนจากผู้ถูกอาวัล:อายุความ10ปี
‐ผู้รับอาวัลที่ได้ใช้เงินไปแล้วสวมสิทธิผู้ถูกรับอาวัลฟ้องคู่สัญญาอื่นๆที่ต้องรับผิดต้องดูว่าคนที่ถูกสวมนั้นมีสิทธิอย่างไร
‐ฟ้องธนาคารที่รับรองตั๋วเงินตามม.993:อายุความ10ปี
• ตั๋วเงินปลอม
การปลอมตั๋วเงินมี2ประการคือ‐ปลอมข้อความ(ม.1007)คือถูกปลอมข้อความสําคัญ
1.เห็นประจักษ์:ตั๋วนั้นก็เสียไปคู่สัญญาในตั๋วหลุดพ้นหมดยกเว้น
‐ผู้ที่ทําการแก้ไข:จะต้องถูกบังคับตามข้อความที่แก้ไข‐คู่สัญญาที่ยินยอมกับการแก้ไขนั้น:ต้องผูกพันตามข้อความที่แก้ไข‐ผู้สลักหลังภายหลังจากที่แก้ไขแล้ว:ต้องผูกพันตามข้อความที่แก้ไข
• 2.ไม่เห็นประจักษ์:ให้สิทธิผู้ทรงที่ชอบด้วยกฎหมายเรียกเงินตามตั๋วจากคู่สัญญาต่างๆได้ตามปกติกล่าวคือ‐ถ้าคู่สัญญาที่ไม่เกี่ยวข้อง:ผูกพันตามข้อความเดิม
‐ถ้าคู้สัญญาที่เกี่ยวข้อง/ผู้แก้ไข/ผู้สลักหลังต่อจากนั้น:
ผูกพันตามข้อความที่แก้ไขใหม่
• ปลอมลายมือชื่อ(ม.1006,ม.1008)คือลายมือชื่อใดในตั๋วเป็นลายมือชื่อปลอมก็เสียไปเฉพาะลายมือชื่อนั้นส่วนลายมือชื่ออื่นๆก็ยังคงใช้ได้อยู่และห้ามบุคคลใดแสวงสิทธิในลายมือชื่อปลอมในตั๋วนั้นเพื่อทําการต่อไปนี้1.ยึดหน่วงตั๋วเงินไว้ไม่คืนให้แก่เจ้าของเดิม
2.ให้ตั๋วเงินนั้นหลุดพ้นจากความรับผิด3.เพื่อบังคับให้ใช้เงินตามตั๋วยกเว้นจะเข้ากรณีดังต่อไปนี้
1.คู่สัญญาที่จะถูกยึดหน่วง/บังคับให้ใช้เงินอยู่ในฐานะที่ถูกตัดบทมิให้ยกลายมือชื่อปลอมขึ้นต่อสู้2.เจ้าของลายมือชื่อให้สัตยาบันแก่ลายมือชื่อที่ลงโดยปราศจากอํานาจแต่ไม่ถึงกับเป็นการปลอมลายมือชื่อนั้น2.ตั๋วเงินหายถูกลัก
• หน้าที่ผู้ทรงเมื่อตั๋วหาย/ถูกลัก(ม.1010)
เมื่อผู้ทรงทราบเหตุแล้วต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือโดยทันใดไปยังผู้ออกตั๋ว/ผู้จ่าย/ผู้สมอ้างยามประสงค์/ผู้รับรองเพื่อแก้หน้า/ผู้รับอาวัลเพื่อทําการบอกปัดไม่ใช้เงินตามตั๋วนั้น
ผล‐ถ้าแจ้งแล้ว:ลูกหนี้ในตั๋วที่มีหน้าที่จ่ายเงินต้องงดจ่ายเงินถ้ายังจ่ายไปก็ต้องรับผิดต่อผู้ทรงฐานละเมิด
‐ถ้าไม่แจ้ง:ลูกหนี้ในตั๋วจ่ายเงินไปแล้วก็ไม่ต้องรับผิดยกเว้นทราบอยู่แล้วว่าตั๋วเงินหาย/ถูกลักซึ่งถือเป็นการไม่สุจริตก็ต้องรับผิดต่อเจ้าของตั๋วฐานละเมิด
• สิทธิของผู้ทรงตั๋วเงินที่หาย/ถูกลัก(ม.1011)1.ถ้าตั๋วหายไปก่อนกําหนดวันใช้เงิน:ผู้ทรงมีสิทธิ
ร้องผู้สั่งจ่าย/ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ออกตั๋วฉบับใหม่ที่มีเนื้อความอย่างเดียวกันให้ใหม่ได้ถ้า‐ผู้สั่งจ่าย/ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ยอมออกให้ใหม่ผู้ทรงก็
สามารถฟ้องบังคับได้‐ผู้สั่งจ่าย/ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินยอมออกให้ใหม่ผู้ออกจะให้
ผู้ทรงหาประกันทดแทนความเสียหายหากต้องเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดในกรณีที่ตั๋ว
ที่หายนั้นกลับหาได้ภายหลัง2.ถ้าตั๋วถึงกําหนดแล้ว:ผู้ทรงเรียกคืนจากผู้ได้ตั๋วไว้โดยไม่ชอบหรือฟ้องเรียก
เงินตามมูลหนี้เดิม(ถ้าไม่ได้หายโดยประมาท)