µ ° ´ µ = 4.24 vpp ε ª ® µ nµ duty cycle = 67 % · 1....
TRANSCRIPT
จุดประสงค์การทดลอง 1. ประกอบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาท่ีใช้ไอซี 555 ได้ 2. ประกอบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาท่ีใช้ไอซีนอตเกตได้ 3. ประกอบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาท่ีใช้คริสทลัได้ 4 ใช้เคร่ืองมือวดัและทดลอบตรวจสอบสญัญาณได้ 5. วิเคราะห์การท างานของวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาได้ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ 1. ชดุทดลองดิจิทลั จ านวน 1 ชดุ 2. ไอซีเบอร์ 555,74LS14 จ านวน 2 ตวั 3. ไอซีเบอร์ CD4060, CD4013 จ านวน 2 ตวั 4. ตวัต้านทาน 150 x 2, 10 k x 2, 180 k, 1 M จ านวน 6 ตวั 5. ตวัต้านทานชนิดปรับคา่ได้ VR 10 k จ านวน 1 ตวั 6. ตวัเก็บประจ ุ0.1 µF, 0.01 µF, 15 pF x 2 จ านวน 4 ตวั 7. คริสทลั 32.768 KHz, 1MHz จ านวน 2 ตวั ล าดับขัน้การทดลอง 1. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 1
รูปที่ 1
2. ใช้ออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 2
= 4.24 Vpp 1 = 2.14 ms = 467.29 Hz Duty cycle = 67 %
รูปที่ 2
3. ค านวณหาคา่ความถ่ีจากสตูร F = 1 2 1
1.44 (R + 2R )C ได้คา่ความถ่ี = 480 Hz
4. ค านวณหาคา่ Duty cycle จากสตูร % DC = 1 2
1 2
(R + R 100(R + 2R ) ได้คา่ = 66.67 %
5. เปรียบเทียบผลการทดลองในข้อ 2 กบัผลการค านวณในข้อ 3 และข้อ 4 มีผลเหมือนกนัหรือแตกตา่งกนัอย่างไร เพราะเหตใุด
ตอบ ตา่งกนัเลก็น้อย อาจจะมาจากคา่ผิดพลาดของคา่ R, C 6. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 3
รูปที่ 3
7. ปรับ VR1 ให้มีคา่ต ่าสดุ แล้วใช้ออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 4
= 4.32 Vpp 1 = 0.94 ms = 1063.8 Hz Duty cycle = 92 %
รูปที่ 4
8. ปรับ VR1 ให้มีคา่มากสดุ แล้วใช้ออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 5
= 4.32 Vpp 1 = 2.36 ms = 423.7 Hz Duty cycle = 68 %
รูปที่ 5
9. เปรียบเทียบสญัญาณในรูปท่ี 4 กบัรูปท่ี 5 แตกตา่งกนัอย่างไร เพราะเหตใุด ตอบ เปรียบเทียบสญัญาณในรูปท่ี 4 กบัรูปท่ี 5 แตกตา่งกนัดงันี ้ 1. คา่ความถ่ีของสญัญาณในรูปท่ี 4 มีความถ่ีสงูกวา่สญัญาณในรูปท่ี 5 2. คา่ Duty cycle ของสญัญาณในรูปท่ี 5 มีคา่สงูกวา่ Duty cycle ของสญัญาณในรูปท่ี 4
10. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 6
รูปที่ 6
11. ปรับ VR1 ไว้กึง่กลาง แล้วใช้ออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 4
= 4.32 Vpp 1 = 1.82 ms = 549.45 Hz Duty cycle = 62 %
รูปที่ 7
12. ปรับ VR1 ให้มีคา่มากสดุ ใช้ออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 8
= 4.32 Vpp 1 = 4.12 ms = 242.71 Hz Duty cycle = 82 %
รูปที่ 8
13. ปรับ VR1 ให้มคีา่ต ่าสดุ ใช้ออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 9
= 4.32 Vpp 1 = 2.38 ms = 420.16 Hz Duty cycle = 32 %
รูปที่ 9
14. เปรียบเทียบสญัญาณในรูปท่ี 7 รูปท่ี 8 และรูปท่ี 9 เหมือนกนัหรือแตกตา่งกนัอย่างไร และเพราะเหตใุด ตอบ สญัญาณในรูปท่ี 7 รูปท่ี 8 และรูปท่ี 9 เป็นรูปร่างสญัญาณพลัส์เหมือนกนัมีขนาดสญัญาณเท่ากนั แต่มีสว่นท่ีแตกตา่งกนัคือคา่ความถ่ีของสญัญาณ และคา่ Duty cycle สญัญาณ เน่ืองจากวงจรในรูปท่ี 5 นัน้ VR1 ต่อท่ีขา 5 ของไอซี 555 ซึง่เป็นขา Control Voltage ท่ีต่อจาก Comparator ดงัรูปด้านล่าง ดงันัน้เมื่อปรับ VR1 จะท าให้คา่ความต้านทานของวงจรเปลี่ยนไป ดงันัน้คา่ความถ่ีและคา่ Duty cycle ของสญัญาณสญัญาณจงึเปลี่ยนไป
15. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 10
รูปที่ 10
16. ใช้ออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 11
= 4.32 Vpp 1 = 348 µs = 2873.56 Hz
รูปที่ 11
17. ค านวณหาคา่ความถ่ีจากสตูร F = 1 3RC ได้คา่ความถ่ี = 3,333 Hz
18. เปรียบเทียบผลการทดลองในข้อ 15 กบัผลการค านวณในข้อ 16 มีคา่เหมือนกนัหรือแตกตา่งกนัอย่างไรเพราะเหตใุด
ตอบ แตกตา่งกนั คือคา่จากการทดลองมีคา่น้อยกวา่คา่จากการค านวณ อาจจะเกิดจากค่าอปุกรณ์ หรืออาจจะเกิดจากการอา่นคา่จากเคร่ืองมือวดั
19. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 12
รูปที่ 12
20. ใช้ออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 13
= 4.16 Vpp 1 = 1.032 µs = 968,992 Hz
รูปที่ 13 ค านวณค่าความถี่ของวงจรในรูปที่ 12
คา่ความถ่ีจะมีคา่เทา่กบัคา่ความถ่ีของ X-tal เปล่ียนแปลงได้เล็กน้อยด้วย C1 และ C2 ดงันัน้คา่ความถ่ีจงึมีคา่ประมาณ 1 MHz
21. เปรียบเทียบผลการทดลองในข้อ 20 กับผลการค านวณ มีค่าเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไรเพราะ เหตใุด
ตอบ แตกตา่งกนัเลก็น้อย อาจจะเกิดจากคา่ C1 และ C2
22. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 14
รูปที่ 14
23. ใช้ออสซิลโลสโคปวดัสัญญาณท่ีเอาต์พุต โดยตัง้ค่า Time/DIV ของออสซิลโลสโคปให้มีค่า 200 ms หรือค่าท่ีสามารถวดัความถ่ีต ่า ๆ ได้ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 15
= 4.16 Vpp 1 = 1.004 s = 0.996 Hz
รูปที่ 15 สรุปผลการทดลอง
จุดประสงค์การทดลอง 1. ประกอบวงจรโมโนสเตเบิลที่ใช้ไอซี 555 ได้ 2. ประกอบวงจรโมโนสเตเบิลที่ใช้ไอซี 74LS121 ได้ 3. ประกอบวงจรโมโนสเตเบิลที่ใช้ไอซี 74LS123 ได้ 4. ใช้เคร่ืองมือวดัและทดลอบตรวจสอบสญัญาณได้ 5. วิเคราะห์การท างานของวงจรโมโนสเตเบิลได้ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ 1. ชดุทดลองดิจิทลั จ านวน 1 ชดุ 2 .ไอซีเบอร์ 555, 74LS121, 74LS123 จ านวน 3 ตวั 3. ตวัต้านทาน 10 k x 2, 100 k, 220 k, 270 k, 560 k จ านวน 6 ตวั 4. สวิตช์แบบกดติดปลอ่ยดบั จ านวน 1 ตวั 5. ตวัเก็บประจ ุ0.1 µF, 0.01 µF, 10 µF, 100 µF, 220 µF, 470 µF จ านวน 6 ตวั 6. ไดโอด 1N4148 จ านวน 1 ตวั ล าดับขัน้การทดลอง 1. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 1
รูปที่ 1
2. กดทริกท่ี SW1 ใช้ดิจิทลัออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 2 และอ่านค่าคาบเวลาบนัทกึลงในตารางท่ี 1 ในช่องจากการทดลอง
= 4.31 Vpp
1 = 1.2 s
รูปที่ 2
หมายเหตุ ในกรณีท่ีไม่มีดิจิทัลออสซิลโลสโคป การวดัคาบเวลาของสญัญาณท่ีเอาต์พุต ในช่วงเวลาท่ีเป็นลอจิก “1” ให้ใช้วิธีจบัเวลาโดยใช้นาฬิกาเป็นตวัจบัเวลา สงัเกตการสวา่งของ LED 1
3. ค านวณหาค่าคาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 โดยใช้สตูร T 1 1 = 1.1 R C บนัทึกค่าลงในตารางท่ี 1 ในช่องจากการค านวณ
4. เปลี่ยนคา่ R1 และ C1 แล้วท าตามข้อ 2 และ 3
ตารางที่ 1 ตารางบนัทกึผลการทดลอง
ท่ี R1 C1 คาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 (วินาที)
จากการทดลอง จากการค านวณ
1 100 k 10 µF 1.2 1.1
2 220 k 10 µF 2.5 2.42 3 560 k 10 µF 6.2 6.16
4 100 k 22 µF 2.5 2.42 5 100 k 47 µF 5.1 5.17 6 220 k 22 µF 5.3 5.32 7 560 k 47 µF 29.0 28.95
5. จากข้อมลูในตารางท่ี 1 ให้วิเคราะห์คา่ท่ีได้จากการทดลองกบัผลการค านวณ ตอบ จากตารางท่ี 1 คา่ท่ีได้จากการทดลองมีคา่ใกล้เคียงกบัคา่ท่ีได้จากการค านวณ
6. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 3
รูปที่ 3
7. กดทริกท่ี SW1 ใช้ดิจิทลัออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พตุ บนัทกึรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 4 และอ่านค่า คาบเวลาบนัทกึลงในตารางท่ี 2 ในช่องจากการทดลอง
หมายเหตุ ในกรณีท่ีไมม่ีดิจิทลัออสซิลโลสโคป การวดัคาบเวลาของสญัญาณท่ีเอาต์พุต ในช่วงเวลาท่ีเป็นลอจิก “1” ให้ใช้วิธีจบัเวลาโดยใช้นาฬิกาเป็นตวัจบัเวลา สงัเกตการสวา่งของ LED 1
8. ค านวณหาคา่คาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 โดยใช้สตูร T 1 1 = 0.693 R C บนัทกึคา่ลงในตารางท่ี 2 ในช่องจากการค านวณ
9. เปลี่ยนคา่ R1 และ C1 แล้วท าตามข้อ 7 และ 8
= 4.31 Vpp
1 = 0.7 s
รูปที่ 4
ตารางที่ 2 ตารางบนัทกึผลการทดลอง
ท่ี R1 C1 คาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 (วินาที)
จากการทดลอง จากการค านวณ 1 100 k 10 µF 0.7 0.693 2 220 k 10 µF 1.5 1.524 3 560 k 10 µF 4.0 3.881 4 100 k 22 µF 1.5 1.524 5 100 k 47 µF 3.3 3.257 6 220 k 22 µF 3.4 3.354 7 560 k 47 µF 18.4 18.239
10. จากข้อมลูในตารางท่ี 2 ให้วิเคราะห์คา่ท่ีได้จากการทดลองกบัผลการค านวณ ตอบ วิเคราะห์คา่ท่ีได้จากการทดลองกบัผลการค านวณพบวา่มีคา่ใกล้เคียงกนั ซึง่คา่จากการทดลองจะมากกวา่ค่าจากการค านวณเลก็น้อย อาจจะเกิดจากคา่ผิดพลาดของ RC
11. ตอ่วงจรตามรูปท่ี 5
รูปที่ 5
12. กดทริกท่ี SW1 ใช้ดิจิทลัออสซิลโลสโคปวดัสญัญาณท่ีเอาต์พุต บนัทึกรูปร่างสญัญาณลงในรูปท่ี 6 และอ่านคา่คาบเวลาบนัทกึลงในตารางท่ี 3 ในช่องจากการทดลอง
= 4.31 Vpp
1 = 0.7 s
รูปที่ 6
13. ค านวณหาค่าคาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 โดยใช้สูตร T 1 1 = 0.693 R C บันทึกค่าลงในตารางท่ี 3 ในช่องจากการค านวณ
14. เปลี่ยนคา่ R1 และ C1 แล้วท าตามข้อ 11 และ 12
ตารางที่ 3 ตารางบนัทกึผลการทดลอง
ท่ี R1 C1 คาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 (วินาที)
จากการทดลอง จากการค านวณ 1 100 k 10 µF 0.7 0.693 2 220 k 10 µF 1.5 1.524 3 560 k 10 µF 4.0 3.881 4 100 k 22 µF 1.5 1.524 5 100 k 47 µF 3.3 3.257 6 220 k 22 µF 3.3 3.354 7 560 k 47 µF 18.3 18.239
15. จากข้อมลูในตารางท่ี 3 ให้วิเคราะห์คา่ท่ีได้จากการทดลองกบัผลการค านวณ ตอบ วิเคราะห์คา่ท่ีได้จากการทดลองกบัผลการค านวณพบวา่มีคา่ใกล้เคียงกนั ซึง่คา่จากการทดลองจะมากกวา่ค่าจากการค านวณเลก็น้อย อาจจะเกิดจากคา่ผิดพลาดของ RC
16. ใช้ค่า R1 = 100 k และ C1 = 100 µF กด SW1 จ านวน 3 ครัง้ติดต่อกนั โดยให้ระยะเวลาห่างกนั 2 วินาที ให้สงัเกตการสวา่งของ LED1
LED1 สวา่งเป็นเวลา 13 วินาที สรุปผลการทดลอง
จงอธิบาย/บรรยาย หรือออกแบบตามโจทย์ท่ีก าหนด 1. จงออกแบบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาโดยใช้ไอซี 555 ต้องการความถ่ี 100 Hz ตอบ ออกแบบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาโดยใช้ไอซี 555 ต้องการความถ่ี 100 Hz ดงันี ้
จากสมการ F 1 2 1
1.44= (R +2R )C
ต้องการความถ่ี 100 Hz
100 Hz 1 2 1
1.44= (R +2R )C
เลือกใช้ C1 = 0.2 µF
100 Hz -61 2
1.44= (R +2R ) 0.2 10
1 2(R +2R ) -6 1.44=
100 2
0. 10 = 72000
เลือกใช้ R1 = 24000 2R2 1= 72000 - R = 72000 - 24000
= 48000 R2
4800= 2 = 24000
เขียนเป็นวงจรได้ดงัรูปด้านลา่ง
555
+Vcc
1
6
7
2 5
3
8424 K
0.2 µF
R1
24 K
C10.01µF
R2
C2
2. จงออกแบบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาโดยใช้ไอซี 555 ต้องการความถ่ี 500 Hz ท่ีมี Duty cycle เท่ากบั 60% ตอบ ออกแบบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาโดยใช้ไอซี 555 ต้องการความถ่ี 500 Hz ท่ีมี Duty cycle เท่ากับ 60% ดงันี ้
จากสมการ % DC = 1 2
1 2
(R +R 100(R +2R )
60 = 1 2
1 2
(R +R 100(R +2R )
0.6 = 1 2
1 2
(R +R (R +2R )
0.6(R1+2R2) = R1+R2 0.6R1+1.2R2 = R1+R2
0.2R2 = 0.4R1 R2 = 2R1 ..........................1
จากสมการ F 1 2 1
1.44= (R +2R )C
ต้องการความถ่ี 500 Hz
500 Hz 1 2 1
1.44= (R +2R )C
เลือกใช้ C1 = 0.2 µF
500 Hz -61 2
1.44= (R +2R ) 0.2 10
1 2(R +2R ) -6 1.44=
500 2
0. 10
= 14,400 จากสมการที่ 1 R2 = 2R1 R1+2R2 = 14,400 R1+22R1 = 14,400 5R1 = 14,400
R1 = 14400 5
= 2880 R2 = 2R1 = 2 2880 = 5760
เขียนเป็นวงจรได้ดงัรูปด้านลา่ง
555
+Vcc
1
6
7
2 5
3
84
2,880
0.2 µF
R1
5,760
C10.01µF
R2
C2
3. จงออกแบบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาโดยใช้ไอซี 555 ท่ีสามารถปรับความถ่ีและปรับ Duty cycle ได้ โดย
ความถ่ีกึง่กลางมีคา่ 1000 Hz ตอบ ออกแบบวงจรสร้างสญัญาณนาฬิกาโดยใช้ไอซี 555 ท่ีสามารถปรับความถ่ีและปรับ Duty cycle ได้ โดยความถ่ีกึง่กลางมีคา่ 1000 Hz ดงันี ้
จากสมการ F 1 2 1
1.44= (R +2R )C
ต้องการความถ่ี 1000 Hz
1000 Hz 1 2 1
1.44= (R +2R )C
เลือกใช้ C1 = 0.1 µF
1000 Hz -61 2
1.44= (R +2R ) 0.1 10
1 2(R +2R ) -6 1.44=
1000 1
0. 10 = 14,400
เลือกใช้ R1 = 5,000 2R2 1= 14,400 - R = 14,400 - 5,000
= 9,400
R2 9,400= 2 = 4700 เลือกใช้ VR 10 K ปรับกึง่กลางจะได้ 5000
เขียนเป็นวงจรได้ดงัรูปด้านลา่ง
555
+Vcc
1
6
7
2 5
3
84
+Vcc
5 K
0.1µF
Pulse
widt
h
Freq
uenc
y10 K
10 K
150
150
R1
C1
R3
R4
VR2
R2
4. จงค านวณหาคา่ความถ่ีของสญัญาณเอาต์พตุของวงจรด้านลา่ง
ตอบ
จากสมการ F = 1 1
1 3R C
=
1 (3 2.4K 0.22 ) F
= 3 6
1 (3 2.4 10 0.22 10 )
= 631.31 Hz
5. จงออกแบบวงจรสร้างสญัญาณโมโนสเตเบิลโดยใช้ไอซี 555 ต้องการคาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 เป็นเวลา 0.5 วินาที ตอบ จากสมการ T = 1.1R1C1 0.5 s = 1.1R1C1 เลือกใช้ C1 = 10 F 0.5 s = 1.1R1C1 0.5 s = 1.1R1 10 F
R1 = 6 0.5 s
(1.1 10 10 )
= 45,454.54 เขียนเป็นวงจรได้ดงัรูปด้านลา่ง
t
t
555
+Vcc
1
6
7
25
3
84R1
C10.01µF
Discharge
Threshold
Control voltage
Reset +Vcc
GND
Trigger
Output0
0
0.1µF
1N41
48
10 K
T
E+
+
45,45
4.54
10 µF 0.5 s
6. จงออกแบบวงจรสร้างสญัญาณโมโนสเตเบิลโดยใช้ไอซี 74121 ต้องการคาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 เป็นเวลา 800 มิลลิวินาที
ตอบ จากสมการ T = 0.693R1C1 0.8 s = 0.693R1C1 เลือกใช้ C1 = 10 F 0.8 s = 0.693R1C1 0.8 s = 0.693R1 10 F
R1 = 6
0.8 s (0.693 10 10 )
= 115,440.11
เขียนเป็นวงจรได้ดงัรูปด้านลา่ง
A1
A2Q
Q
GND
B
+Vcc
R /CEXT EXT CEXTVcc
74121
Q
Q
R1 C1
14 11 10
6
1
7
3
4
5
10 K
SW1115,440
10 µF0 t
E
E
0Q
800 t
7. จงออกแบบวงจรสร้างสญัญาณโมโนสเตเบิลโดยใช้ไอซี 74123 ต้องการคาบเวลาท่ีเป็นลอจิก 1 เป็นเวลา 200 มิลลิวินาที ตอบ จากสมการ T = 0.693R1C1 0.2 s = 0.693R1C1 เลือกใช้ C1 = 10 F 0.2 s = 0.693R1C1 0.2 s = 0.693R1 10 F
R1 = 6
0.2 s (0.693 10 10 )
= 28,860
QA
BQ
QGND
CLR
R /CEXT EXT CEXTVcc
74123Q
R1 C1
16 15 14
13
4
8
1
2
3
+Vcc
28,860
10 µF
10 K
10 K
SW1
t
200 t
E
E
8. ไอซีสร้างสญัญาณโมโนสเตเบิล เบอร์ 74121 กบัเบอร์ 74123 มีคณุสมบตัิแตกตา่งกนัอย่างไร ตอบ ไอซีสร้างสญัญาณโมโนสเตเบิล เบอร์ 74121 กับเบอร์ 74123 มีหลกัการท างานคล้ายกัน แต่เบอร์ 74121 จะทริกใหมไ่ด้ก็ตอ่เมื่อเวลาผ่านไปมากกวา่คา่ T แตเ่บอร์ 74123 สามารถทริกซ า้ได้